อันดับแรก : ตัดสินใจให้ได้ก่อนว่า Theme งานจะเป็นแบบไหน
งานนี้เรากับแมกซ์ตั้งใจไว้แต่ไหนแต่ไรว่าจัดแยกงานผู้ใหญ่กับเด็กดีกว่า เพราะคุยกับเพื่อนๆหลา่ยคนทุกคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า
"แกทำใจไว้เลยนะ งานแต่งงานนี่ไม่ใช่งานของแก แต่เป็นงานแต่งงานของครอบครัว"
ก็จริงอย่างที่เพื่อนๆว่าแหละ งานแต่งเพื่อนที่ไปมาแต่ละงานนี่จะแขกผู้ใหญ่ (เพื่อนพ่อ-แม่) นี่แอบเกินครึ่ง ถ้าเจอบ้านที่เคร่งมากๆ เจ้าสาวแทบกระดิกตัวไม่ได้ ต้องวางตัวสุภาพนิดนึง (เทียบกับตอนมันอยู่กับเพื่อนๆ) ..แต่เมื่อปีก่อนไปงานแต่งแหม่ม (คลิกไปดูตาม link ได้) ที่จัดแยกเด็กกับผู่ใหญ่มา รู้สึกสนุกดี มีแต่เด็กๆ ต่อให้ไม่รู้จักกลุ่มอื่นๆในงานก็ยังเฮฮากันได้เต็มที่มาก ..เรากับแมกซ์เลยคุยกันตั้งแต่วันนั้นเลย ว่าเอางานแบบนี้แหละ ..สนุกดี
สรุป Theme งานได้แล้ว ต้่้องคุยกับผู้ใหญ่ดีๆว่าซีเรียสเรื่องอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า (เรื่องพิธีการนี่เราคุยกันตั้งแต่วันสู่ขอเลยว่าต้องทำอะไรกันมั่ง) เสร็จแล้วเขียนแผนไปให้ดูว่าขั้นตอนจะเป็นอย่างนี้ๆๆๆนะ ตกลงกันได้ทั้ง 2 ฝ่ายเมื่อไหร่ก็เป็นอันโอเค
รายละเอียดปลีกย่อยนี่ก็พวกสถานที่จัดงาน เมนูอาหาร จำนวนแขก ...แต่จะบอกว่าไอ้พวกยิบย่อยนี่แหละที่มันกวนประสาทกว่าเรื่องหลักๆอีก ... จำไว้เลยว่าถ้าผู้ใหญ่บอกว่าอะไรก็ได้นี่ห้ามเชื่อ ....จริงๆเรา 2 บ้านก็ไม่ได้เรื่องมากอะไรมากมายละนะ แต่มันจุกจิกจนทำให้ตัดสินใจอะไรยากพอสมควร สมมติๆๆ
แม่บอกว่าจะเชิญเพื่อนแม่ประมาณ 20 คน จัดโต๊ะลงตัวเรียบร้อย จัดที่ไหนก็ได้ ไม่มีปัญหา
พอไปคุยกับโรงแรมที่ดูโอเคหน่อยแถวสุวรรณภูมิ (บ้านใหม่อยู่สุวรรณภูมิ บ้านเดิมอยู่พระราม 3) ก็กลับมาบอกแม่
"ไกลขนาดนั้น ไม่รู้เพื่อนแม่จะไปกันรึเปล่า ... คงไม่ไปกันมั้ง"
"อ้าว ...งี้ต้องจัดแถวไหนอ่ะ "
"แถวไหนก็ได้ จัดไปเลย เค้าไม่มาก็ไม่เป็นไรมั้ง ก็ไม่ต้องเผื่อโต๊ะไว้เยอะมาก "
"งี้ให้เตรียมกี่โต๊ะอ่ะ "
"จะไปรู้ได้ไงล่ะ ว่าเค้าจะมาไม่มา เอาให้แน่ๆว่าจะจัดที่ไหน แจกการ์ดไปก่อน แล้วค่อยถามว่าจะมามั๊ย ?? "
แป่ววว งี้จะให้พิมพ์การ์ดกี่ใบ จองโรงแรมกี่โต๊ะอ่ะ ?? พวกนี้จำนวนมันก็มีผลต่อราคานะ จะไปจองแบบเดาๆก็กระไรอยู่ ...สุดท้ายเลยต้องบอกไปว่าจะเอาแถวโซนนี้โอเคมั๊ย ? ถ้าโอเคทั้ง 2 ฝั่ง ค่อยหาละกัน
อันดับต่อมา ก็เรื่อง สถานที่ เมนูอาหาร
อย่างที่บอกไปว่าเรื่องสถานที่มันก็ต้องตกลงโซนกันก่อนนะ แล้วค่อยไปตระเวณหาสถานที่
ลืมบอกไปว่างานเราตั้งใจจัดออกเป็น 3 ช่วง คือ
ช่วงเช้า : งานหมั้น ยกน้ำชา
ช่วงเที่ยง : กินเลี้ยงแขกผู้ใหญ่
ช่วงเย็น : กินเลี้ยงเพื่อนๆ ผู้ใหญ่้ห้ามเข้า
ตอนแรกตั้งใจว่าช่วงเช้าจะไปหาร้านอาหารจัด เพราะโต๊ะจีนโรงแรมส่วนมากไม่ค่อยถูกปากผู้ใหญ่เท่าไหร่ ... แต่หาไปหามา ได้ข้อสรุปว่า จัดโรงแรมเหอะ ประหยัดสุด สบายสุด อาหารอร่อยน้อยกว่าเหลานิดนึง แต่เหนื่อยน้อยกว่าเยอะมากกกกกก คุยกับ sale คนเดียว ได้ทั้งเรื่องอาหาร จัดสถานที่ อุปกรณ์โน่นนี่ โชว์บนเวทีเสร็จสรรพ ไม่ต้องยุ่งยากอะไร
แต่ยังไงๆก็หาเวลาพาพ่อแม่ไปชิมอาหารหน่อยก็ดี ..ขอเมนูเค้ามา แล้วก็เลือกมาชิมเลย เผื่อไม่ชอบใจอันไหนก็จะได้เปลี่ยนใจทัน
หลังจากหามาหลายโรงแรม ก็มาลงตัวที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์คนี่แหละ ...ราคาย่อมเยา อาหารอร่อย ของแถมเยอะอีกต่างหาก (^^)
พองานเช้าเรียบร้อย คราวนี้ก็มาหาสถานที่งานเย็น ....อันนี้หายาก + วุ่นวายกว่าตอนเช้าอีก เพราะว่าเราหาเป็นร้านอาหาร แถมฤกษ์ที่ได้มาดันเป็นช่วงหน้าฝน ..ร้านอาหารที่กันฝนได้ส่วนมากบรรยากาศจะไม่ค่อยดี แค่ร้านอาหารดีๆ ริมน้ำ outdoor นี่เสี่ยงกับฝนตกอย่างรุนแรง
หลังจากหามาหลายที่ สุดท้ายไปได้ที่ร้าน C2 ที่หมู่บ้านสัมมากร (ต้องขอบคุณเพื่อนเชนที่แนะนำให้ไปดูร้านในหมู่บ้านนั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้จักเป็นแน่) บรรยากาศได้ตามที่ต้องการ (แต่ถ้าฝนตกขึ้นมาก็แอบเปียกกันได้เหมือนกัน) อาหารโอเค ราคารับได้ ...ตกลงเอาที่นี่แหละ
ต่อไปเป็นเรื่องพิธีการ
ตอนเช้านี่ตกลงกันง่ายมาก ...
สำหรับงานหมั้น ...ตอนแรกผู้ใหญ่บอกมาว่าไม่ต้องมีพิธีกรก็ได้ เพราะผู้ใหญ่จะบอกเองว่าต้องทำยังไง ...แต่ๆๆๆๆ กระนั้นก็ตาม อย่าวางใจมาก หาแผนสำรองไว้ดีๆ เพราะว่าวันงานจริงผู้ใหญ่เกิดอาการเขินครับท่าน เจอญาติ 2 ฝั่งมาเต็มห้องแล้วเกิดอาการพูดไม่ออกงงไปหมด โชคดีที่คุณเพื่อนรู้งาน ไปคว้าไมค์มาเป็นพิธีกรให้ทันที งานเราเลยผ่านพ้นไปด้วยดี
ตอนแรกเราเตรียมกันเป็นอย่างดีเลยนะ เขียนในกระดาษอย่างละเอียดว่า กี่โมง คนไหนต้องเตรียมอะไรเอาไว้ เราก็สั่งน้องชายเอาไว้ แมกซ์ก็สั่งพี่น้องเอาไว้ ว่าตามฤกษ์เป็นแบบนี้ๆ ต้องเตรียมของหมั้น กับผ้าขนหนูไว้ให้เรียบร้อยตรงนั้น ตรงนี้ ...เอาเข้าจริง มัวแต่คุยครับท่าน ญาติๆไม่เจอกันนานนี่นกกระจอกแตกรังเกินคาด !!!! ฤกษ์หมั้นนี่ตอน 9 โมงเช้า แต่กว่าจะได้สวมแหวนนี่ล่อไปเกือบ 10 โมงมั้ง (จ่ายค่าหมอดูฤกษ์ไปทำไมก็ไม่รู้)
ปล. อันนี้ก็แล้วแต่บ้านนะ ..พอดีบ้านเรานี่คุยกันไม่รู้เวลาไปหน่อย มันก็เลยวุ่นวายแบบนี้แหละ (อิน้องที่ให้ช่วยดูแลนี่ช่วยอะไรไม่ได้เล้ยยยย จบงานต้องเรียกมาสวดซักยกนึง)
เจ้าบ่าวพร้อมแล้ว แต่สังเกตว่าผู้ใหญ่ยังคุยกันไม่จบ (ข้างหลัง)
มาถึงตอนยกน้ำชา ...อันนี้ให้เพื่อนๆทำหน้าที่ลำเลียงของให้อยู่แล้ว เลยผ่านพ้นไปด้วยดี ..แถมดีเกินคาด เนื่องจากว่าคุณเพื่อนเขียนบนซองทุกซองเอาไว้ให้ว่าซองนี้ได้มาจากใคร ตอนจดบัญชีรายรับหลังงานนี่อย่างสบายเลยอ่ะ (สมกับเป็นเด็กบัญชีจริงๆๆ)
งานพิธีการช่วงเที่ยงนี่ราบรื่นไม่มีปัญหา พิธีการอย่างน้อย เริ่มจาก presentation ที่เพื่อนอิ๋วทำให้ ต่อด้วยเพื่อนหนุ่มเรียกบ่าวสาวขึ้นเวทีไปทักทายแขกเล็กน้อย (ไม่มีการสัมภาษณ์ใดๆทั้งสิ้น!!!) เสร็จแล้วก็ตัดเค้กเลย เป็นอันจบพิธี (ไม่มีประธานด้วย เพราะไม่มีใครยอมขึ้นเวที) ..หลังจากนั้นคาราโอเกะจนจบงาน (อันนี้ขอรายชื่อเพลงจากผู้ใหญ่มาก่อนว่าอยากร้องเพลงอะไร แล้วไปเตี๊ยมกับวง)
ตอนแรกก็กลัวว่ามันจะน้อยไปรึเปล่า ..แต่กลายเป็นว่าคนชมเยอะแฮะ บอกว่าง่ายดี หุหุหุ
ส่วนงานเย็น ...จ้าง Organizer โลด เพราะว่าไม่มีปัญญาจัดเอง ไม่ต้องมาคอยห่วงหน้าพะวงหลังด้วย มีแม่งานคอยดูแลให้ ...แค่หาพิธีกรให้ได้ก็พอแล้ว ~~~~ (ผลจากการจัดงานเป็นยังไงเดี๋ยวไปดูตอนงานเย็นเลยเนอะ)
สุดท้ายที่ต้องจัดการก็รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆแล้วล่ะ
ตากล้อง :
เนื่องจากบรรดาคุณเืพื่อนใช้ตากล้องไฮโซ แถมส่วนมากปรับรูปออกโทนขาวไปหน่อย เรากับแมกซืไม่ค่อยชอบ เลยหาเอาจากใน net เหมาทั้งภาพนิ่ง วีดีโอ ทั้งวันเลย ...ออกมาก็เป็นที่พอใจทีเดียว
ชุดเจ้าสาว :
งานเช้านี่ต้องเช่าแบบไม่มีทางปฏิเสธ ...เราไปเิดินหาแถวถนนตะนาว สุดท้ายมาลงตัวที่ร้านวิวาห์
เท่าที่ดูๆมาชุดร้านนี้สวยถูกใจสุด ..เรื่องแบบนี่ยังไม่ได้ต่างจากร้านอื่นๆมาก แต่ว่าชุดเค้าใส่แล้วดูไม่อ้วนเกินไปอ่ะ เหมือนแพทเทิร์นเค้าจะเก็บเนื้อดีกว่าร้านอื่นๆ แต่ว่าที่แอบขัดใจนิดนึงก็เรื่องเซลล์เนี่ยแหละ ...ตอนยังไม่จ่ายตังค์นี่ยิ้มหวาน พูดจาดี ...แต่พอจ่ายไปหมดแล้วนี่ก็ดีกรีเอาอกเอาใจลดไปอย่างสังเกตได้ (แต่ยังดีที่ยังอยู่ในระดับรักษามารยาท ไม่ถึงขั้นทิ้งขว้างซะทีเดียว)
ตอนแรกจะเอาเช่าแค่ชุดบ่าวสาวเท่านั้น ใส่มันชุดเดียวตั้งแต่ตอนหมั้นยันจบกินเลี้ยงตอนเที่ยง
ไปๆมาๆ เซลล์ขนชุดราตรีสั้นสำหรับงานหมั้นมานำเสนอ ...เบลอๆไงไม่รู้ตกลงซื้อชุดนี้ซะงั้น (จบงานหมั้นแล้วยังไม่มีโอกาสได้ใส่อีกเลย แม่มๆๆๆๆ) สุปว่าซื้อ 1 เช่า 2 ...เปลืองงบจริงๆ เฮ้อ !!!
คำเตือน : อย่าตัดสินใจทันทีตอนอยู่ในร้าน ต่อให้อยากได้ยังไง ให้เดินออกมาจากร้านให้ได้ก่อน แล้วมาคิดดีๆค่อยตัดสินใจ ...เราว่าเราจิตแข็งแล้วนะ อุตส่าห์เอาทั้งแม่ ทั้งแมกซ์ติดไปด้วยจะได้ช่วยๆกันเบรค ดันกลายเป็นว่าโดนเซลล์กล่อมจนมึนกันโดยถ้วนหน้าเลย
ชุดหมั้น แต่งหน้า ทำผมเรียบร้อย
ช่างแต่งหน้า - ทำผม : สืบเนื่องจากโดนเซลล์กล่อม หลังจากตกลงเรื่องชุดได้แล้ว ทีมเซลล์ก็ขนรูปผลงานการแต่งหน้าของที่ร้านมาให้ดู (พลาดได้ไงล่ะ ..จริงมะ??)
เดิมทีเรามีช่างในใจอยู่แล้ว พอจะรู้ราคาแต่ยังไม่ได้คุยรายละเอียด ...พอโดนเซลล์กล่อมหนักเข้า ให้ไปลองถ่ายรูปในสตูดิโอ เสียค่าถ่ายแค่ไม่กี่พัน จะได้ลองแต่งหน้าไปด้วย แล้วถ้าจะเอาช่างคนนี้ก็ตกลงราคากันที่เท่านี้ๆๆ บลาๆๆๆๆ ....ผู้ฟัง 3 คนก็คล้อยตามไปถ้วนหน้า จ่ายค่าถ่ายรูปเพื่อลองแต่งหน้าไปซะงั้น ....
ออกมาจากร้านแล้วเหวอกันอยู่แปปนึงถึงได้สติ แล้วคุยกันว่า ทำไมไม่ออกมาตัดสินใจก่อน (ฟระ)
ที่ร้านนี้เค้ามีสตูดิโอแยกกันออกไปชื่อ White Rose หรือไงเนี่ย ..อยู่บนถนนเส้นเดียวกันแหละ
พอถึุงวันนัดถ่าย เราก็ไปตามกำหนดเวลา พี่ที่ดูแลเรื่องเสื้อผ้า ช่างแต่งหน้า แล้วก็ตากล้องตั้งใจทำงานมาก ..จริงๆก็พอใจทีเดียว แต่ว่ายังไม่เห็นรูปออกมา ก็เลยยังไม่ตอบตกลงกับทางร้่านไปว่าจะเอาช่างแต่งหน้าคนนี้แน่ๆ (เข็ดจากคราวก่อนด้วยแหละ) กะว่าขอดูรูปก่อนอีกที แล้วค่อตัดสินใจดีกว่า
ผ่านไปซักไม่เกินอาทิตย์ รูปก็ยังไม่เห็น เซลล์ของทาง White Rose โทรมาถามว่าเป็นไง จะจองคิวเลยมั๊ย ... จริงๆเราก็อยากดูรูปก่อน แต่ไหนๆเค้าโทรมาถามก็จองเลยก็ได้ ...เค้าก็เลยบอกว่าให้โอนเงินไปวันนี้เลย เต็มจำนวน ..ตอนนั้นเราอยู่ระหว่างทางกำลังจะไปต่างจังหวัด หรือไงเนี่ย แต่จำได้ว่าไม่สะดวกวันนั้น เลยบอกเค้าว่าจะโอนให้พรุ่งนี้ เค้าก็บอกว่า ..ช่างก็มีคิวรออยู่เหมือนกัน ถ้าไม่โอนวันนี้เค้าจะให้คิวคนอื่นไปเลยนะ ....โหหหหหห.... ถ้าบีบกันขนาดนี้ก็ตามสบายเลยค่ะ คุณน้อง ไม่จองแลวค่ะ เดี๋ยวไปหาช่างที่อื่นแทนก็ได้
โชคดีว่าที่เจ้าพระยาปาร์คให้ package ถ่ายรุปฟรีที่ ชาร์แด็ง เดอ ลามูร์ ที่ทองหล่อ เลยลองไปถ่าย ..ช่างแต่งหน้าก็โอเคใช้่ได้อยู่ ..คุยราคาแล้วก็รับได้ เค้าก็ไม่ได้ force อะไรมาก หลังจากได้รูปกลับมา ตั้งสติคิดอยู่ซักพัก เลยโทรไปจองคิว เค้าก็ให้โอนมัดจำไปก่อน แล้วแต่เราสะดวก ...ก็เลยตัดสินใจเอาคนนี้นี่แหละ
พอถึงวันไปเอาชุดที่ร้านวิวาห์ ..เซลล์ที่ร้านก็ถามว่าทำไมเราไม่เอาช่างแต่งหน้าเค้า เราก็บอกไปว่าไม่ใช่ว่าไม่เอา แต่เราไม่สะดวกโอนเงินวันที่เค้าโทรมา แล้วเค้ารอไม่ได้ เราเลยต้องปล่อยคิวไป เซลล์ที่ร้านวิวาห์เลยโทรไปถามที่ White Rose แล้วหันมาบอกเราว่า ช่างยังว่างอยู่นะ เอามั๊ย จะจองให้ เราก็เลยบอกไปว่า เราได้ช่างแต่งหน้าแล้ว
พอบอกไปเท่านั้นแหละ ..เซลล์มาถามย้อนเราว่า ทำไมโอนเงินให้เค้าไม่ได้ แต่ไปโอนเงินจองช่างคนอื่นได้
...วอนโดนด่ามั๊ยเนี่ย????... ตกลงความผิดกรู ????
สงบสติอารมณ์ได้ เลยบอกไปแค่ว่า ...ก็ช่างคนอื่นไม่ได้ต้องให้โอนเต็มจำนวนทันทีที่โทรมาหานี่คะ ..เซลล์ก็เลยเงียบไป
การ์ด - ของชำร่วย :
อันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก นับจำนวนแขกให้ได้แล้วก็ไปเลือก แล้วก็สั่งได้เลย เราไปเดินดูการ์ดที่พาหุรัด ราคามีตั้งแต่ 8 บาท ถึง 30++ อันนี้ก็แล้วแต่ชอบใจ (แต่เราว่า 10 กว่าบาทมันก็สวยโอเคแล้่วนะ)
ของเรางานเช้าพิมพ์การ์ดแจกผู้ใหญ่แบบมาตรฐานงานแต่งทั่วไป ...แต่งานเย็นนี่ทาง organizer ถามมาว่าอยากทำเองมั๊ย ไม่ต้องเนี๊ยบมากก็ได้ วาดๆแล้่ว scan เอามันก็ได้อารมณ์สนุกสนานไปอีแบบน่าจะเข้ากับงาน .... เหอๆๆๆ ลองก็ลองสิคะพี่ ...ไม่พลาดๆๆ
ฝีมือศิลปะห่วย ...แต่ก็เป็นการืดแต่งงานที่ชอบบบบ 555
ส่วนของชำร่วยที่ทำเองเตรียมเอาไว้เรียบร้อย ดูได้ที่หน้านี้ แต่ว่าต้องไปหา package ใส่เพิ่มเิติมเท่านั้น ....ร้านเยอะมาก ใจเย็นๆ ค่อยๆเดินเดี๋ยวก้เจอที่ถูกใจเองแหละ (^^)
อ้อ ... เกือบลืม
สำหรับพิธียกน้ำชานี่ต้องมีผ้าขนหนูขอบคุณด้วย ..ถ้าไม่ได้ติดว่าต้องเป็นยี่ห้อ ..แถวพาหุรัดนี่ก็มีผ้าขนหนูเนื้อดีๆขายอยู่เหมือนกันนะ ...ถ้าไปก็ซื้อมาทีเดียวเลยก็ได้เหมือนกัน
นึกไม่ออกละว่าต้องเตรียมอะไรอีก ...ตามหัวข้อเหมือนเตรียมไม่เยอะ แต่แอบบ่นเยอะไปหน่อยแฮะ 555
No comments:
Post a Comment