Saturday, August 30, 2008

อยากแต่งปากแดงกะเค้ามั่ง

ตอนนี้เห็นสาวๆมาทำ how to ปากแดงกันเยอะ (ประกอบกับช่วงนี้ว่าง) เลยอยากแต่งกะเค้ามั่ง

แต่ไอ้ครั้นจะเรียกว่า How to ก็กระไร เพราะไม่มีเคล็ดลับอะไรเลย (สักแต่ว่าป้ายสีบนหน้า ...ว่างั้นเหอะ) ตอนแรกว่าจะแต่งหน้าตัวเองเล่นๆดู แต่พอแต่งเสร็ตแล้วแอบชอบ ก็เลยมาถ่ายรูปเก็บไว้หน่อยดีกว่า... อิอิ

ตอนแต่งหน้าไม่ได้ถ่ายแต่ละขั้นตอนเอาไว้แฮะ มาเก็บเอาตอนหลัง รูปมันเลยอาจจะแปลกๆหน่อยนิ (^^)

แรงบันดาลใจสำหรับปากแดงวันนี้มาจากนางเอกเรื่อง Lust & Caution
จ๊ากกกก แต่งหน้าครั้งแรกก้ได้แรงบันดาลใจมาจากนางเอกหนังเรท R ซะแล้วววตรู
(แต่จะบอกว่า ตอนแรกไปดูเรื่องนี้เพราะเฮียเหลียง แต่ดูจบออกมาแล้วชอบนางเอกเข้าอย่างจัง ..สายตาเย้ายวนสุดๆ)

เมื่อก่อนเวลานึกภาพนางเอกใส่กี่เพ้า จะนึกถึงนางเอกคอยาวๆ หน้าเก๋ๆ (เช่น จางมั่นอี้เป็นต้น) แต่พอดูเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกว่า ..เอ...สาวหน้า(โคตร)หมวย ก็แต่งกี่เพ้าสวยเหมือนกันนิ

และแล้วก็หงเสน่ห์สาวเซี่ยงไฮ้เข้าจนได้ ^^)


ไม่พูดมากละ ... เริ่มเลยดีกว่า

ลืมถ่ายรูปอุปกรณ์รวม (^^') เอาทีละขั้นตอนละกันเนอะ

อันดับแรกเลย .. จะบอกว่าแต่งหน้าได้ชุ่ยมาก เพราะว่า กลับมาจากทำงานแล้วอยากแต่งก็แต่งเลย ไม่ได้ล้างหน้า (^^') แล้วก็โปะแป้งเข้าไปเลย เหอๆๆๆ

ขั้นแรก : แต่งคิ้ว ใช้ที่แต่งคิ้วของ In2it (ลืมถ่ายรูปมา) ไม่มีเทคนิคมาก แค่เอามาป้ายคิ้วให้สีเข้มๆขึ้นมาหน่อย (^^')


ขั้นที่ 2 : แต่งตา ใช้แค่ Palette Sivanna (ตามในรูป) กับ Gel Liner MTI (ไม่ได้ถ่ายมา)
อ้อ ... แล้วก็อย่าลืมขนตาปลอมด้วยนะ

ใช้สีดำในหลุม 1 ทาชิดๆขอบตา แล้วก็ไปย้ำตรงหางตานิดหน่อย ตามในกรอบสี่เหลี่ยม
ใช้สีเทาๆเงินๆในหลุม 2 ทาบนเปลือกตา ไล้ๆให้มันกลืนกับสีดำ
เสร็จแล้วก็ใช้สีนวลๆในหลุม 3 blend ให้สีเทาที่ทามันกลืนไปกะผิว

แล้วก็เอา Gel liner มาทาให้เลยหางตาออกมาหน่อย ตวัดนิดๆ (ที่เห็นนั่นตวัดแล้ว แต่ไม่ค่อยเห็นเลยแฮะ)

สุดท้าย แปะขนตาปลอมลงไปซะหน่อยด้วยเน้อ~~~ (ในรูปยังไม่ได้แปะ .. ปัดมาสคาร่าเอาไว้ แต่เด้งไ


ต่อมาทำ Shading ด้วย ฺBronzer ของ Bobbibrown ตลับสีดำด้านซ้ายบน
แล้วก็ปัดแก้มด้วยสีน้ำตาลส้มอ่อนๆ Magique


ลง Shading ตามแนวในรูปเลย


เสร็จแล้วก็มาปัดแก้มบางๆ


เสร็จแล้วก็มาทาปากด้วย Mistine Glamour สีแดงสด
(สีนี้สวยมั่กๆ ขอบอก แต่ว่าทาแล้วปากแห้งเร็วไปนิดนึง)


เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

แต่ว่าๆๆๆ... อยากเลียนแบบม่ายฮูหยินในยุคเซี่ยงไฮ้ทั้งที ก็ต้องไปทำผมแต่งตัวให้เข้าซักหน่อย อิอิ
(แต่งหน้านี่แปปเดียวก็เสร็จ แต่กว่าจะทำผมทรงนี้ได้นี่แทบตาย เหอๆๆ)


กรี๊ดดดด ป้าที่ไหนมาละเนี่ย ~~~


โพสท่าซะหน่อย เผื่อจะลดความป้าลงบ้าง


ปิดท้ายด้วย before & after

หนุกจังๆๆๆ อิอิ

Tuesday, August 26, 2008

ลอง MMU กะเค้ามั่งดีกว่าาา

ในที่สุดก็ได้ฤกษ์มาอัพเกี่ยวกะ MMU ซะที

จะบอกว่าชอบอ่าน Review + How to ของโต๊ะแป้งเป็นที่ซู้ดดดด แต่ไม่เคยทำเองเลยซักครั้ง เนื่องมาจากว่าถ่ายรูปตัวเองทีไรแล้วดับอนาถทุกที (Y_Y) ...แอบเศร้านะเนี่ย ~~~~

แต่ว่าเดือนที่แล้วถอย MMU มา่ซะเยอะ เลยอยากจะเห็นว่าบรรดาบลัชที่ซื้อมาแต่ละสีเป็นยังไง

(จะได้รู้ว่า ซื้อมาเยอะๆแล้วสุดท้านมันก็ต่างกันไม่มากนักหรอก 555)

ไหนๆก็ไหนๆ ขอโอกาสเอามาขึ้นบล๊อกละกันเนอะ (แต่งหน้าก็ไม่ค่อยแต่ง แต่ดันบ้าซื้อ ของเดิมจะเอาไปทำอะไรดีก็ไม่รู้เนี่ย)


ปล. 1 อุทาหรณ์เตือนใจ(เผื่อสาวๆเข้ามาอ่านกัน) ... ที่ซื้อมาทั้งหมดนี่อยู่ในงบประจำเดือนจ้าา ไม่ได้ไปเบียดเบียนงบประมาณเงินเก็บแม้แต่น้อย ... ใครอ่านแล้วกิเลสขึ้น ขอให้นึกถึงเงินในกระเป๋าตัวเองไว้ก่อนเน้อ

ปล. 2 เอารูปขึ้นเพราะอยากให้เห็นสีบลัชบนหน้า แต่แบบว่าแอบถ่ายแล้วเหมือนกันไปหมด (--') ของจริงมันต่างกันเล็กน้อยเน้อ~~~

(พวกนี้ค่อยๆถ่ายเก็บแล้วเอามาลงทีเดียว ...จะบอกว่าถ่ายเหมือนกันไปหมดทุกรูป แต่งรูปแล้วมึนหน้าตัวเองจริงๆ)

ก่อนจะมาละเลงสีบลัช ก็มาเตรียมหน้าก่อน ~~~~

Step ปกติ ก็ลง Velvet Skin >> Sukothai1 ปกปิดน้อย >> Strawberry Daiquiry

(แป้งฝุ่นนี่มีสีเหลือง กับสีเขียวด้วย แต่ทาไปถ่ายรูปให้ดูก็ไม่ต่างกันอยู่ดี เลยขอไม่ถ่ายละกันนะ)


ใบหน้าหลังจากลงรองพื้นเป็นที่เรียบร้อย (ไม่ต่างเลย ให้ตายเหอะ)
แต่ว่าปกติก็ทาแค่แป้งฝุ่น ตอนนี้หาเรื่องเสียตังค์มาลงรองพื้น MMU .. ก็ขอแบบเหมือนลงแป้งฝุ่นธรรมดาเนี่ยแหละ (แอบเสียใจที่เลิกทำรุ่นปกปิดน้อยไปแล้ว Y_Y)

แป้งฝุ่นเนื้อเบามากถึงมากที่สุด .. ทาแล้วแทบไม่รู้สึกว่ามีอะไรอยู่บนหน้า (แต่ผ่อง) เท่าที่ใช้มาสีชมพูเนี่ย ถูกกะสีผิวสุดละ แอบว่าดุเปล่งปลั่งดี ส่วนที่ชอบน้อยสุดก็เห็นจะเป็นสีเขียว ... แอบรู้สึกว่าไม่ค่อยกลืน

ส่วนรองพื้นก็เบาได้ใจไปเลย ... หน้าเนียนกริ๊บบบ แต่ไม่มีใครรู้ว่าลงรองพื้น อิอิ
ช่วงใช้ใหม่ๆมีแต่คนทักว่า "น้องเดียร์ ทำไมช่วงนี้ดูสวยขึ้น" (กระดากมั๊ยนั่น????)
แล้วก็ตอบไปอย่างมั่นใจว่า "แต่งหน้าค่ะ" (^^)


อุปกรณ์แต่งหน้าสวย

มาถึงบลัชมั่ง ... ได้เขียนจนเหนื่อยแน่เลย เพราะข้าเจ้าสั่งมาทุกสี !!!! (ถ้า Nina มาบุกร้านพี่เพยก่อนเราสั่งครั้งสุดท้าย คงได้สี Nina มาอีกแน่ๆ เหอๆๆ)

เนื้อบลัช :
บลัชพี่เพยเนื้อละเอียดดีมากๆๆ ใช้แล้วเนียนไปกะหน้า อันที่มีวิ้งก็วิ้งละเอียด ถือว่าคุณภาพเนี้ยบทีเดียว (ไม่เคยใช้ MMU ที่ไหนเลยนะ ความรู้สึกที่ใช้นี่ไม่ได้มีการเปรียบเทียบกับอะไรเป็นพิเศษ)

สีของบลัชเมื่อปัดบนหน้า :
บอกก่อนว่า หน้าเราเหมือนจะดูดสีชมพู ... ประมาณว่าปัดอะไรมักจะออกเป็นโทนส้มไปหมด ถ้าอยากได้แก้มชมพูนี่ต้องเอาแบบชมพูจ๋าๆมาเลยอ่ะ

เนื่องจากสีบรัชเยอะจัด เลยขอแยกตามกลุ่มโทนสีที่ปรากฎอยู่บนหน้าเราละกันเนอะ

************ กลุ่มแรก : โทนสีส้ม (ส้มแบบอิฐๆนะ) ************

Kamasutra : พี่เพยบรรยายไว้ว่าใช้แล้วหน้าแดงระเรื่อเหมือนเล่นกีฬาในร่ม เลยสั่งแบบไม่คิด (จ๊ากกกก!!!!)
ล้อเล่นนะ .. จริงๆแล้วดูสีในตารางเทียบสีแล้วมันออกชมพูแดงหม่นๆ แต่เข้มหน่อย ... ยังหาสีชมพูหม่นแบบถูกใจจัดๆไม่ได้ เลยอยากได้~~~

ของจริงส้มกว่าที่คิดเล็กน้อย สวยมันก็สวยนะ แต่ว่าตั้งใจอยากได้ชมพูหม่นๆนี่น่าา



ฺBloody : อันนี้ออกส้มจนเกือบแดง เม็ดสีเยอะมากกกกก ถ้าเทียบกับสีอื่นๆแล้วอันนี้ใช้จี๊ดดดดดเดียว ก็แดงแล้วอ่ะ ในรูปออกอมส้มหน่อยๆ แต่ของจริงแดงกว่านี้นะ ส่วนตัวคิดว่าอันนี้ดูบ่มแดดมากกว่า Kamasutra อีก แต่อาจจะปัดยากกว่านิดนึงล่ะ



From 9 to 5 : ซื้อมาเพราะอยากได้สีชมพูหม่นๆอีกแล้ว แต่พอมาลงบนหน้าก็กลายเป็นสีส้มอีกเช่นกัน .. ทำไมชมพูหม่นๆของเรากล่ยเป็นส้มไปหมดเลยล่ะเนี่ยย .....เศร้า ... ทำไมแอบรู้สึกว่าปัดไปแล้วก็คล้ายๆ Kamasutra อีกแล้วก็ไม่รู้แฮะ



Sunrise : สีนี้ส้มของแท้ ... ปัดออกมาก็ยังคงส้มอยู่ดี พี่เพยตั้งชื่อสีนี้ได้เข้ามากๆ เพราะได้ความรู็สึกแบบพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าเจงๆๆ (ถ้าเทีียบโทนสีแล้ว 3 อันบนจะมีความคล้ายกันมากกว่าประมาณส้มๆแดงๆ แต่สีนี้ให้ความรู้สึก "ส้ม" ที่ต่างกัน)



สรุปคือว่า ถ้าต้องซื้อต่อคงซื้อแค่ 2 สี คือ Sunrise กับ Bloody จ้าา (แต่ Bloody แอบปัดยาก เลยลังเลว่า Kamasutra อาจจะใช้ง่ายกว่า)


************ กลุ่มที่ 2 : ชมพูอมส้ม
************

Sakura Glow : สีชมพูอมส้มเล็กน้อย ทาแล้วดูระเรื่อๆดี อันนี้ชอบเอาการอยู่ แต่ว่าๆๆๆ.... รออ่านต่อไป...



Rumpuey : สีนี้ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจสั่ง แต่เพราะว่าตอนจะสั่ง Kamasutra แล้วตอนนั้นของหมด สีนี้ดูเหมือนจะใกล้เคียง ก้เลยลองสั่งมาดู (ประมาณสั่งให้ครบชุด Kit แหละ) แต่เอากลับมาแล้วชอบแฮะ ส่วนตัวรู้สึกว่าคล้าย Sakura Glow คืออมส้ม อมชมพู แต่สีนี้มีความใสน้อยกว่าหน่อย

ประมาณว่าถ้าเทียบ Sakura Glow เป็นเด็กวัยรุ่น Rumpuey ก็จะให้ความรู้สึกของ Sakura Glow ที่โตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่แล้ว (คิดไปได้นะนั่น !!!! แต่รู้สึกจริง 555)



สำหรับกลุ่มนี้ขอเทใจให้พี่เพย เอ้ย.. ให้สี Rumpuey มากกว่านะ (^^)

************ กลุ่มที่ 3 : ชมพู ************

Siam Innocent : สีนี้ทาแล้วแอบเขิน เพราะดูพยายามทำตัวเด็กยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก ... ชมพูหวานซะหน้าเราดูดสีไม่หมด ยังคงเหลือสีชมพูให้เห็นบนหน้าด้วย ... ปัดออกมาแล้ว (สี)น่าร๊ากกกเชียว


Orchid : ชมพูหวานแหววเหมือนกันใกล้เคียงกับ Siam Innocent แต่มีอมม่วงอ่อนๆเล็กน้อย แต่ปัดลงบนหน้าแล้วดีกรีความตอแหล เอ้ย ความโนะเนะ แอบไม่เท่าข้างบนนะ 555



Sakura : สีนี้ซื้อเพราะจะให้ได้ครบชุด Kit อีกเหมือนกัน ตอนแรกไม่กะซื้อเพราะเห็นว่าคงคล้ายๆกับ Sakura Glow แล้วอันนั้นมันมีป้านแปะว่า Hot ด้วย ...ก็ตามกระแสตลาดไปซื้อ glow ซะงั้น

แต่พอมาลองสีนี้แล้วกลายเป็นว่าชอบสีนี้แฮะ (^^') ... เท่าที่ปัดมา สีนี้ออกชมพูหม่นใกล้เคียงกะที่เราต้องการมากที่สุดเลยด้วยอ่าาา (เป็นงั้นไป)

ปล. นิยามชมพูหม่นของเรา คือ เป็นสีชมพู แต่ไม่ได้ใสปิ๊งอ่ะ อธิบายไม่ถูกแฮะ


กลุ่มนี้ก็ขอเทคะแนนให้ Sakura กับ Siam Innocent นะ (^^)

************ กลุ่มสุดท้่าย : ไม่เข้าพวก ...เอ้ย สีนู้ดๆๆ ************

Naked Splash : เคยปัดสี nude แล้วหน้ามืดมาก (ปกติเป็นคนหน้าสว่าง เพราะหัวเหม่ง) แต่มาปัดอันนี้แล้ว อืมมม สีสวยแฮะ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าปัดเดี่ยวๆออกจากบ้านแล้วจะเป็นไงเหมือนกัน (ตอนถ่ายรูปนี่แค่ปัดเพื่อถ่ายรูปเฉยๆ)

ที่ชอบเพราะว่า ปัดแล้วดูหน้ามันเหลือบๆเงาๆ ดูมีมิติดี ประมาณว่าไม่ต้องแต้มสีอะไรลงไป แต่หน้าดูมีลูกเล่นอ่ะ

ต้องลองปัดออกจากบ้านดูซักครั้งแล้วค่อยดูกันว่าจะซื้อต่อดีมั๊ย


แฮ่กๆๆๆ เหนื่อยจังแฮะ แต่เขียนๆแล้วเรียบเรียงความคิดได้ว่าถ้าจะซื้อต่อจะตัด choice ยังไงดี (แต่ดูไปดูมาก็ยังตัดไม่ได้เยอะนี่น่า...เหอๆๆๆ)

ขอบคุณพี่เพยที่ทำบลัชคุณภาพดี ราคาย่อมเยามาให้ใช้นะคะ (^^)

สุดท้ายนี้ (เผื่อพี่เพย+ลูกค้าพี่เพยเข้ามาอ่าน) .. รู้สึกว่ากลุ่มสีที่เดียร์จัดอาจจะไม่เหมือนกะของพี่เพยนะคะ ... แต่อย่างที่บอกไปแล้วว่า จัดตามที่มันขึ้นสีบนหน้าเดียร์ที่สีบลัชทุกยี่ห้อเพี้ยนเหมือนกันหมด ใครไม่ได้สีตามแบบมที่เดียรืเขียน ก็ไม่ต้องตกใจนะคะ (^^)

ทุ่งทานตะวัน-เชื่อนป่าสักชลสิทธิ์

อันนี้อิ๋วเขียนไว้ ... แต่เราไปด้วย เลยขอมาแปะหน่อยนะ ~~~

ทริปนี้รวบรวมพรรคพวกกันได้ 9 คน
ไปเที่ยวกับการรถไฟ ไปทุ่งทานตะวัน-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ชั้น 2 ปรับอากาศราคา 550 บาท รวมค่าเดินทาง+อาหาร
จริงๆ หยุดคราวนี้มีเพื่อนๆบางคนอยากไปค้างคืน แต่ด้วยความเรื่องมากของข้าพเจ้าเอง ..ไม่อยากค้างคืนอ่ะ อยากไปเช้าเย็นกลับ เพื่อนที่น่าร๊ากก็ตามใจหาโปรแกรมเที่ยวตามต้องการมาให้จนได้ ...อิอิ


6 โมงเช้ามารวมตัวกันที่หัวลำโพง
(แต่กว่าจะมากันครบก็ตอน 6.20 พอดี)

รวมตัวกันเรียบร้อยก็เดินไปขึ้นรถไฟ (ตู้ที่เรานั่งอยู่ไกล๊ ไกล) เดินผ่านเห็นแต่กลุ่มวัยรุ่นๆ ..เออ ... ดีแฮะ มาเที่ยวกะวัยเดียวกัน ...แต่พอขึ้นไปนั่งเท่านั้นแหละ ..เอ ...ตู้เราไหงมีแต่คนแก่ๆหว่า ???

นั่งรอตั้งนานกว่ารถจะออก หิวข้าวมากๆๆๆ ทำไมไม่แจกข้าวซักทีหว่า...ไม่เป็นไร นั่งเมาท์ไปเรื่อยๆก่อน

ตอนแรกเบาะหันไปทางเดียวกัน คนเบาะหน้าก็เอี้ยวตัวไปคุยกะเบาะหลัง ..ซักพักคุณเจ้าหน้าที่เดินมาบอกว่าหันเบาะได้ ..ดีๆๆ เมาท์กันสบาย ...ซักพักใหญ่ๆค่อยแจกขนมปังกะกาแฟ ...ค่อยยังชั่วหน่อย


เก้าอี้ปรับหันหน้าหากันได้ นั่งเมาท์กันได้เต็มที่


เมาท์กันไป กินขนมไป ในที่สุดก็ถึงทุ่งทานตะวัน
ลืมบอกว่าแต่ละคนหอบขนมกันมาถุงใหญ่ เพราะกลัวอดตาย ...แต่สุดท้ายได้หอบกลับบ้านถุงใหญ่เหมือนเดิมเพราะมีของกินแจกตลอดทาง


แถวนี้ดอกทานตะวันกำลังบานเต็มที่ รถไฟเลยจอดให้ลงไปถ่ายรูปกัน 30 นาที


ชาวบ้านแถวนั้นก็มีของมาขาย น้ำดอกทานตะวัน ของที่ระลึกรูปทานตะวันทั้งหลายทั้งแหล่
ค่าเข้าไปในไร่เค้าก็คนละ 5 บาท
"ช่วยเหลือเกษตกรครับ 5 บาท"


ฟ้าสีฟ๊าฟ้า ดอกทานตะวันสีเหลือง ใบไม้สีเขียว
เกือบจะใส่เสื้อสีแดงมาถ่ายรูปซะแล้วนี่เนี่ย


สาวๆในทริป


เปลี่ยนตำแหน่งกันหน่อย


หนุ่มเดียวในทริป
น่าสงสารต้องนั่งน้ำลายบูด เพราะดันมากัน 9 คนเลยต้องหลุดวงเมาท์ไป 1


โพสท่ากันสุดชีวิต

แดดร้อนแค่ไหนก็ยังยิ้มสู้


เหลืองอร่ามไปทั้งแถบ น่าเสียดายที่มันบานแค่ไม่กี่อาทิตย์


เริ่มผลิออกมารับแสงตะวัน


หนอนเยอะมาก ไต่กันยั้วเยี่ย


รูปนี้คุณน้องถ่ายนะเนี่ย ฝีมือไม่ใช่อี้อี้


เดี๋ยวไม่รู้ว่ามากะการรถไฟ


ขึ้นรถมาก็มาย้อนดูผลงานถ่ายรูป+เมาท์กันต่อ

บรรยากาศบนรถไฟ

จุดหมายต่อไป รางรถไฟลอยน้ำ
เห็นใน unseen in thailand ถ่ายออกมาส๊วยสวย แต่พอลงไปยืนตรงนั้นมันก็ถ่ายออกมาได้แค่นี้
ตรงนี้แวะให้ 30 นาทีเหมือนกัน แต่ถ่ายรูปไม่ค่อยมันเท่าไหร่


กลางน้ำของแท้แน่นอน


นั่งหลบแดดกันข้างรถไฟ


ขึ้นรถไฟเดินทางต่อๆๆๆ

ขึ้นรถอีกทีก็เสริฟอาหารกลางวัน เป็นข้าวเหนียวหมูปิ้ง/ไก่ย่างแล้วแต่เลือก
ให้เยอะมากๆ กินกันไม่หวาดไม่ไหว แถมมีของหวานเป็นข้าวต้มมัดอันเล็กๆ อีก 2 อัน ขนมสอดไส้ 1 อัน ตบท้ายด้วยน้ำข้าวโพดอีก เลี่ยนแป้งมากๆ (ใครเป็นคนคิดเมนูนี้เนี่ย ????) กินกันเสร็จเรียบร้อยก็ถึงสันเขื่อนพอดี (เรียกอย่างนี้รึเปล่าหว่า ??..เอาเป็นว่าเป็นที่โล่งๆกว้างๆให้ถ่ายรูปกันอ่ะ


เมนูอาหารวันนี้ค่ะ

ลงรถมาก็ต้องเดินนิดหน่อยไปถึงริมเขื่อน
มีป้าย+ไอ้โน่นไอ้นี่ให้ไปถ่ายรูปด้วยเยอะแยะเลย
แต่แดดเปรี้ยงมากๆ คิดถูกมากที่เอาร่ม+เสื้อแขนยาวไป


ระหว่างทางเดินเข้าไปสันเขื่อน ..เดินไกลอ่ะ...ป้าๆเมื๊อย เมื่อย


ค่าโผล่กลางดอกไม้ 5 บาท
อันอื่นไม่เสียตัง


โผล่กลางทานตะวันเหมือนกัน ..ฟรีๆๆๆ


ถ่ายกะป้ายภาคภาษาอังกฤษ


แล้วก็ย้ายมาภาคภาษาไทย


ว่างๆก็มาให้อาหารปลาได้นะ ..ปลาตัวใหญ่มากๆๆๆ


อันนี้เป็นท่อระบายน้ำที่เค้าเอามาสร้างเขื่อนอ่ะ ..ใหญ่มะ ??
(เอามาทำอะไรนี่ไม่แน่ใจนะ ไม่ได้อ่าน ..แต่เห็นแวบๆตรงป้ายข้างๆท่อนี้ว่า เอามาใช้งาน)


ร้อนมากๆ เห็นตรงไหนร่มต้องรีบวิ่งเข้าหา
ผ่านไปชั่วโมงครึ่ง ...ได้เวลาขึ้นรถซะที
คิดถูกจริงๆที่ไม่งกนั่งชั้น 3 ขึ้นรถไปเจอแอร์เย็นฉ่ำค่อยยังชั่วหน่อย
พอได้นั่งกันซักแป๊บก็ทยอยงีบกันไปพักนึง
(สังเกตได้ว่า พอพวกเราเงียบปุ๊บ ทั้งรถก็เงียบหมด ^^')

ได้หลับซักงีบเลยค่อยมีแรงเดินเล่นต่อ เลยเดินไปตู้ถัดไปซะหน่อย
น่านั่งดี เป็นห้องๆ มีเตียงนอนสบาย


Hagrid ขอเสนอ ... Hogwarts Express!!


ห้องนึงสำหรับ 4 ที่นั่ง
แต่เนื่องจากการรถไฟยังไม่รู้จะคิดราคายังไง เลยพ่วงมาด้วยเฉยๆ ไม่ได้ขายบัตร
ใครว่างๆก็แวะมานั่งเล่นได้ ตามสบาย


ตู้ถัดไปเป็นตู้ท้ายขบวน เปลี่ยนจาก Hogwarts Express กลายเป็นรถไฟย้อนยุค
เปิดหน้าต่างหมด ฝุ่นตลบเชียว


อันนี้ก็เหมือนจะพ่วงมาด้วยเฉยๆ มีคุณลุงเสื้อส้มนั่งหลับอยู่คนเดียวทั้งตู้


ไม่มีคนก็หนุกสิ เราเลยปีนป่ายถ่ายรูปกันตามสบาย ไม่ต้องเขินใคร



กลับมาถึงหัวลำโพงโดยสวัสดิภาพ
ที่แท้ รถไฟขบวนนี้นี่ของเก่าจากญี่ปุ่นนั่งเอง
ยังมีป้ายอยู่เลย "ไปโตเกียว"