Tuesday, August 26, 2008

จิ่วไจ้โกว 5 : จิ่วไจ้โกว โชว์ธิเบต

วันนี้คุณไกด์นัดกันเช้าเป็นพิเศษ จากเดิมที่ใช้โปรแกรม 6-7-8 วันนี้เปลี่ยนมาเป็น 5-6-7 แทน เราจะได้เที่ยวกันนานๆ

โรงแรมที่เราอยู่ไม่ได้อยู่ติดกะอุทยานมาก เลยต้องนั่งรถไปจอดที่ที่จอดรถที่ทางอุทยานเตรียมไว้ แล้วก็เดินต่อไปนิดหน่อย ถึงเข้าถึงเขตอุทยาน แล้วก็เปลี่ยนมาขึ้ยนรถของเค้า ให้พาไปตามจุดต่างๆ กลุ่มของเราเหมาไปเลยคันนึง ไม่ต้องแชร์กะใคร เลยสามารถกำหนดได้เองว่าจะไปไหนมั่ง แวะที่ไหนนานเท่าไหร่

จิ่วไจ้โกว แปลว่า หมู่บ้านชาวธิเบตทั้งเก้า (ฟังแล้วนึกถึงชื่อตอนคดีฆาตกรรมของคินดะอิจิเลย ..ประมาณว่า ฆาตหรรมหมู่บ้านหกมุม อะไรทำนองนั้นอ่ะ(^^')) ...

ส่วนรายละเอียดเชิงวิชาการนี่ ไปดูตามนี้เลย
(เอามาจาก manager หมดเลยนั่นอ่ะ)




บริเวณทางเข้าของอุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกว


คณะเดินทางทั้งทัวร์จ้า ~~~~

เรามารวมตัวกันที่หน้าอุทยานแล้วก็ลั้ลลาถ่ายรูปกันซักพักระหว่างที่คุณไกด์ไปจัดการเรื่องรถ เรื่องตั๋ว ...แล้วก็นั่งรถบัสคันใหญ่ชมวิวในอุทยานไปเรื่อยๆ ระหว่างทางที่เราวิ่งเลียบไปเนี่ย ฝั่งนึงจะมองเห็นแต่หน้าผา ไม่มีอะไรเลย (ประมาณว่าเราอยู่ตรงตีนเขาอ่ะ) แต่อีกฝั่งนึงจะเห็นวิวเป็นมุมกว้าง ทะเลสาปสวยๆตลอดทาง คนนั่งทั้ง 2 ฝั่งก็พยายามข่มกันอย่างเห็นได้ชัด

พอไอ้ฝั่งทะเลสาปเจออะไรสวยๆทีก็ "อู้หู.....อื้อหือ...." กันยกใหญ่ หวังจะสร้างกระแสความอิจฉาให้เกิดกะอีกฝั่ง

อีกฝั่งก็หาน้อยหน้าไม่ ...ตอนเค้าผ่านทะเลสาปก็ฟังเค้าอู้หูไป ..คราวนี้พอมีต้นไม้สีแดงแซมระหว่างต้นไม้สีเขียวบนเขาที่เห็นหน่อยเลยอู้หูกะเค้ามั่ง ....ข่มกันแบบนี้ไปตลอดทาง ...เหอๆๆๆ

ระหว่างทางคุณไกด์ก็บรรยายมาตลอด ผ่านอะไรๆตั้งหลายที่ เท่าที่จำได้ก็มี น้ำตกซู่เจิ้น ทะเลสาปกระจก (ที่ตอนหลังวกกลับมาอีกที) ..นอกจากนั้นก็จำไม่ได้ละ


บรรยากาศบนรถทัวร์

ระหว่างทาง..คาดว่าประมาณทะเลสาปกระจก


และแล้ว ....เราก็มาถึงจุดแรกที่เราแวะกันนะคะ .... น้ำตกโย่จื้อหลาน
ตรงนี้คนเยอะ แล้วดูจะหนาแน่นนิดหน่อย ถ้าเทียบกะอีกหลายๆที่ที่แวะ ..น้ำตกก็อลังการ แต่ว่าจุดที่เราลงไปเนี่ย คือเป็นจุดที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ทึบๆ เลยหามุมโปร่งๆถ่ายรูปให้เห็นความอลังการของน้ำตกได้ไม่ชัด ... แต่โดยรวมก็บรรยากาศดีแหละ

เราถ่ายรูปตรงจุดที่เค้าส่งเราลงซักพัก แล้วพอถึงเวลาเราก็จะเดินกลับไปตามทางเดิม แต่ไกด์มาบอกว่าให้เดินไปอีกทาง .... ตอนนั้นแม่ไปไหนไม่รู้ (ดูแลแม่ดีจริงๆตู!!!!) เลยถามไกด์ว่าเดินไปกันหมดรึยัง ..ไกด์บอกว่าหมดแล้ว เราก็เลยเดินเลาะป่าไปเรื่อยๆ จนถึงตำแหน่งที่ขึ้นรถ ...ไปถึงปรากฏว่าแม่หาย!!!!!! หายไปกะน้าตุ้ม กะอาอี๊อีกคนนึง ...แตกตื่นกันอยู่พักนึง พี่พีกะพี่จ๊ะเอ๋ก็ช่วยกันตามหา แล้วซักพักก็ตามกลับกันมาได้ ....เฮ้อ !! ค่อยยังชั่ว




อันนี้ถ่ายตอนหม่ามี้ยังไม่หายตัว


รูปน้ำตกชัดๆ (ของจริงสวยกว่าเยอะ)


ตอนนี้อยู่ระหว่างทางเดินไปขึ้นรถ..แม่หายตัวแล้ว Y_Y


ดูกระแสน้ำกันชัดๆหน่อย ~~~~

เสร็จจากตรงนี้เราก็เดินทางไปเป้าหมายถัดไป ... จากน้ำตกเมื่อกี้เนี่ย ถึงจะอากาศหนาวยังไง แต่บรรยากาศรอบๆยังเป็นใบไม้ 3 สีอยู่ (เขียว แดง เหลือง) แต่พอเรานั่งรถมาเรื่อยๆแล้วก็จะเริ่มเห็นหิมะหนาตัวขึ้นเรื่อยๆ ...ยอดเขาแรกๆที่ผ่านก็จะมีหิมะปกคลุมแค่ตรงยอด แล้วก็ค่อยๆไล่ลงมาเรื่อยๆ จนในที่สุด พอเราถึงจุดหมายถัดมา บรรยากาศก็กลายเป็นเมืองหิมะไปเลย (สวยมากๆ)


ระหว่างทาง....เห็นป่ะ เริ่มมีหิมะละ


หมอกหนาขึ้นเรื่อยๆ


เนื่องจากนั่งเบาะหลัง เลยถ่ายบรรยากาศที่ผ่านมาเก็บเป็นที่ระลึกซะหน่อย


จุดหมายปลายทางครั้งนี้เรียกว่า Long lake หรือทะเลสาปยาว ...จุดชมวิวที่เค้าปล่อยเราลงตรงนี้ เป็นจุดที่อยู่สูงกว่าพื้นน้ำมาหน่อย มองออกไปเป็นวิวโปร่ง เห็นทะเลสาปเป็นแนวยาวไกลออกไป หมอกลงมาหนานิดนึง เหมือนจะเห็นวิวน้อยไปหน่อย แต่จะว่าไม่สวยก็ไม่ใช่ โดยรวมแล้วสวยมากๆๆๆอ่ะ แล้วเราว่าโชคดีอย่างที่ตอนนี้หิมะตก ทำให้เห็นบรรยากาศของที่นี่แปลกออกไปจากทะเลสาปอื่นๆ

พอเราถ่ายรูปตรงจุดที่เค้าปล่อยเราเสร็จ ยังพอเหลือเวลา ..เหลือบไปเห็นบันไดที่เราสามารถเดินลงไปถึงทะเลสาปได้ ก็ลงไปซะหน่อย ..มาดูตรงนี้แล้ว อลังการไม่เท่าข้างบน แต่ก็สวยไปอีกแบบ

ข้างบนเค้ามีคนธิเบตเอาชุดมาให้เราเช่าถ่ายรูปด้วยนะ ...น่าจะไปขอใส่ถ่ายซะหน่อย ...คิดช้าไป ..เสียดาย Y_Y



ทะเลสาปกว้างๆปกคลุมด้วยหิมะกะหมอก ...สวยสุดๆๆ


ถ่ายคนซะหน่อย จะได้รู้ว่าไปจริง


อีกรูปๆๆ


เปลี่ยนมุมมั่ง


เด็กๆในคณะค่ะ ...ย้ำว่านี่เด็กแล้ว (นอกนั้นนี่...)


มุมสวยจัด เลยเป็นมุมฮิตในการถ่ายรูป


ตอนนี้เดินลงมาข้างล่างละ ..ลองมาดูมุมใกล้ๆพื้นน้ำมั่ง


เค้ามีทางเดินให้เดินเลียบทะเลสาปได้ ..บรรยากาศดี๊ ดีล่ะ


รูปนี้เห็นระเบียงชัดหน่อย
(ท่าแบบproudly presentมากๆ)


อยากลองเป็นชาวธิเบตมั๊ยจ๊ะ ???

จุดหมายต่อไปของเราคือ ทะเลสาป 5 บุปผานะคะ ..Five Color Pond... อันนี้นี่จุดเด่นอยู่ที่น้ำ เลย ..น้ำใสมากๆ แล้วสีก็สวยสุดๆ แบบว่าสมชื่ออ่ะ ไม่รู้จะบอกยังไง ดูรูปเองละกันนะ

ทะเลสาปนี้ไม่กว้างมาก จากที่ลงรถ ต้องเดินลงบันไดไปให้ถึงทะเลสาป แบบว่าลงไปดูกันใกล้ๆเลยอ่ะ

จากตรงนี้เราต้องเดินไปขึ้นรถอีกจุดนึง ไกลพอสมควร แล้วตรงนี้ไอ้รินวิ่งหายไปไหนก็ไม่รู้ แบบว่าเราจะเดินไป ก็ไม่รู้ว่ามันไปก่อนแล้ว หรือว่ามันยังไม่มา (แล้วก็เลยไม่รูว่าถ้าเดินไปก่อนมันจะหาเราเจอมั๊ย) ถามคุณพี่ไกด์ว่าคนเดินกันไปหมดยัง ก็ได้คำตอบตามเดิมว่าเดินไปหมดแล้ว ...แต่เดินไปซักพักไม่เห็นวี่แววไอ้รินข้างหน้า เลยต้องบอกคุณพี่เค้าเผื่อไว้ ...สุดท้าย ก็เห็นมันวิ่งตามมาลิบๆ ... หายไปไหนมาก็ไม่รู้ !!!!



ว้าว...น้ำใสปิ๊งสะท้อนมาแต่ไกล


แล้วก็มีบางสิ่งบางอย่างมาบดบังความงาม ....5555


มาดูความใสของน้ำชัดๆมะ ?? อันนี้ทะเลสาปเดียวกันนะ แต่สีอ่อนกว่าหน่อย ..สมกะชื่อ 5 สีไง (^^)


น้ำใสปิ๊งอีก 1 รูป


ระหว่างทางมีหิมะโปรยปราย ..บรรยากาศดี๊ ดี (อีกแล้ว)
หน้าตา...แดะม๊ากค่ะ


อันนี้คือสาเหตุที่รินจังหายตัวนะคะ ..จะไปถ่ายรูปกะป้ายค่ะ

แล้วก็มาถึงรถนะคะ .....ขึ้นรถได้ก็เดินทางไปกินข้าวเที่ยงกันเล้ย!!!!!! กรุ๊ปเราวางแผนดี ไปถึงเป้นกลุ่มแรกเลยไม่ต้องแย่งอาหารกะใคร แบบว่าต้องหยิบถาดหลุมมาตักอาหารเอง (หลังๆคนมากันเยอะ ต่อคิวยาว) แต่อาหารก็ไม่ค่อยจะน่ากินเลยอ่ะ ..เฮ้อ


ระหว่างทางนั่งรถไปกินข้างเที่ยง


เก็บรูปไปเรื่อยๆ


อีกมุมๆๆ


ต่อแถวตักข้าวค่ะ ...อาหารรสชาตเป็นเลิศ

เสร็จจากกินข้าวก็มาเดิน shopping ต่อนิดหน่อย แบบว่าตรงที่กินข้าวนี่เหมือนจะเป็นจุดพักของที่นี่อ่ะ มีโรงอาหาร shopping mall แล้วก็ที่จอดรถทัวร์ตรงนี้แหละ เราก็ได้โปสการ์ดมาเล่ม กะสร้อยหินธิเบตมา 1 เส้น ซื้อได้เหมือนกันเด๊ะ (แต่แม่ๆนี่ได้ผ้าพันคอธิเบตกันมาหลายผืน) พอได้เวลาก็เดินทางต่อค่ะ ..เดินทางๆๆๆ

จุดหมายปลายทางของเราคือสระไม้ไผ่ (Arrow Bamboo Lake) ....ที่เรียกกันอย่างนี้เพราะว่าเมื่อก่อนรอบๆสระนี้จะมีไม้ไผ่เยอะ แพนด้าจะลงมากิน แต่ว่าตอนนี้ไม่มีแล้วว

ปล. จากนี้ไปเราจะแวะ 3 สระที่คล้ายกันจัด จนไม่สามารถแยกออกได้ว่าอันไหนเป็นอันไหน มี สระไม้ไผ่ สระแพนด้า แล้วก็สระนกยูง ถ้าผิดก็ช่างมันละกันนะ





คาดว่าอันนี้ถ่ายที่สระไม่ไผ่


ภูเขากะหมอก ... มันหลุดมาได้ไงก็ไม่รู้แฮะ


สระไม้ไผ่อีกมุม

เสร็จจากไม้ไผ่ก็เดินทางไปสระแพนด้า (Panda Lake)ต่อนะคะ เราว่าสระนี้สวยสุด (รึเปล่าไม่รู้) แต่น้ำมันใส๊ ใสแหละ ที่เค้าเรียกกันว่าสระแพนด้าเพราะเมื่อก่อนแพนด้ามากินน้ำที่นี่เยอะ (ทำไมมันไม่กินให้เสร็จๆไปที่สระไม้ไผ่ก็ไม่รู้เหมือนกัน)

แต่ไม่รู้ไปอ่านมาจากไหนว่าแพนด้ากินน้ำที่นี่แล้วเมา แล้วตกน้ำตายเยอะ ..อะไรประมาณนี้อ่ะ จำไม่ค่อยได้แฮะ


น้ำใส๊ ใส.... สะท้อนชัดมากเลย


ยืนยันความใสอีกรูป


ถ้ามองข้างหลังชัดๆ เงาสะท้อนเห็นเป็นแกนสมมาตรเลยล่ะ


ระหว่างทางค่ะ (^^)

เสร็จจากสระแพนด้า ก็ไปต่อที่สระนกยูงนะคะ (Colorful Lake) อันนี้ไม่รู้ตำนาน ไม่ได้ถาม ถ่ายรูปอย่างเดียว แต่ว่าตรงนี้ย้อนแสงแฮะ ถ่ายรูปได้ไม่ค่อยสวย ต้องวิ่งหามุมดีๆ อิ๋วหายไปไหนไม่รู้ เราเลยไปกะแม่ กะริน เดินลึกๆลงไปจะเจอมุมที่ถ่ายออกมาได้สวยหน่อยล่ะ


ถ้าถ่ายใกล้จัดๆ จะเห็นปลาน้อยว่ายน้ำอยู่


หลบจากมุมที่ย้อนแสงมาได้ก็จะเห็นความสวยงามอย่างนี้แหละ


ภาพวิวกว้างๆ ..เห็นป่ะว่าสีไม่แจ่ม ..แสงมันไม่ค่อยดี


ตรงนี้เดินเข้าไปลึกหน่อย แต่ก็สวยดี ...
ถอยหลังไปหน่อยนี่เหยียบน้ำได้เลยอ่ะ


ถ่ายจากมุมข้างบนมั่ง ..รอรถอยู่ (รอคนด้วย)
ที่หายไปเนี่ยก็วิ่งไปบนทางเดินอีกฝากเพื่อถ่ายรูปนี้อ่ะ


นกยูงอีก 1 มุม


รูปสุดท้ายก่อนจากไปนะคะ ~~~
ถึงเวลานัดแล้วเลยกลับขึ้นมาข้างบน แต่เดียร์กะรินไม่โผล่ขึ้นมาซะทีเลยเดินถ่ายรูปข้างรถไปพลางๆ


อันนี้ก็เป็นป้ายบอกทางที่จะมีให้เห็นเรื่อยๆ

รวมพลกันครบก็เดินทางต่อได้ ~~~
คราวนี้เราจะไปกันที่น้ำตกธารไข่มุก (Pearl Shoal) ..อันนี้อลังการกว่าอันแรกไม่รู้กี่เท่า แบบว่ากว้างมาก แล้วตรงนี้เราต้องเดินกันนิดหน่อย จะได้เห็นน้ำตกทั่วๆ (เค้าบอกว่าเดินประมาณ 3 กิโลนะ แต่เราว่าไม่น่าจะไกลขนาดนั้น)

ตอนแรกที่เดินเข้าเขตน้ำตกก็จะเป็นที่โล่งๆ มุมโล่งๆ เหมือนเรายืนอยู่เกือบๆบนสุดของน้ำตก แล้วก็ค่อยๆเดินเลาะลงมาเรื่อยๆ แล้วก็จะเดินผ่านกระแสน้ำไหลแรง ผ่านป่า ฯลฯ สวยดี


กระแสน้ำแรงเล็กน้อย





อันนี้มาดูน้ำตกแบบเต็มๆ

ระหว่างทาง เราก็เดินถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆอ่ะนะ ..คนเยอะเหมือนกัน ต้องหาจังหวะดีๆถ่าย แล้วพอลงมาถึงด้านล่าง (ไม่รู้สุดรึยัง) ก็เดินเลาะน้ำตกไปเรื่อยๆ


ชอบรูปนี้ ...ดูสวยดี


หมดละ ...ไม่รู้จะเขียนอะไรอ่ะ ..เดินถ่ายรูปอย่างเดียว

ต่อจากนี้ไปก็ถึงเวลาไปที่หมายสุดท้ายของเราเลยนะ ไปที่ ทะเลสาปกระจก (Mirror Lake) เพราะว่าน้ำที่นี่จะนิ่งมาก สามารถสะท้อนภาพออกมาได้ชัด เค้าก็เลยเรียกชื่อนี้ (แต่เราว่าจริงๆที่อื่นน้ำใสกว่านี้อีกนะ)

ที่นี่คนไม่ค่อยเยอะมากแหละ เลยถ่ายรูปกันได้สบายๆหน่อย


ทะเลสาปกระจก


มุมฮิต ..ต้องถ่ายให้เห็นกิ่งไม้เกินมาด้วยนะ (^^)


ตากล้องๆๆๆ


มุมฮิตอีก 1 มุม ..ทุกคนต้องมีรูปถ่ายตรงนี้
ประมาณว่าพี่พีถ่ายรูปให้ใครซักคนเป็นคนแรกไม่รู้ แล้วทุกคนเลยเดินเข้ามาถ่ายมั่ง พี่พีเลยไม่ได้ลุกไปไหน มีคนเข้ามาให้ถ่ายทีละคนๆๆ ..อิอิ

ทะเลสาบกระจกนี่ ถ้าน้ำนิ่งๆจะสะท้อนชัดเหมือนกระจกเลย แต่ตอนเราแวะลงไปถ่ายนี่มีลมพัด น้ำเลยไม่นิ่งพอจะเห็นภาพสะท้อนชัดๆ

หมดละ ...เที่ยวหมดละ คราวนี้ทัวร์เค้าก็ให้เราๆเดิน shopping กันต่อ ..ตรงที่เดิมที่เรามากินข้าวแหละ แม่ๆกะป้าๆขาช้อปก็เข้าไปเก็บตกที่ไม่ได้ซื้อตอนกลางวัน แต่เราไม่มีไรอยากได้ละ เลยเดินเล่นข้างนอกดีกว่า

อย่างที่บอกว่าที่นี่เป็นที่อยู๋ของชาวธิเบตใช่ป่ะ ...ระหว่างทางที่เราผ่านเนี่ย ก็จะเห็นหมู่บ้านของชาวธิเบตเป็นระยะๆ แล้วก็จะมีธงปลิวไสวไปทั่ว ... เค้าบอกว่าจริงๆตามศาสนาที่ชาวธิเบตนับถือเนี่ย (ศาสนาพุทธ สายลามะ) ต้องสวดมนต์ แต่ว่าเค้าก็ต้องทำมาหากินกัน เลยไม่มีเวลาสวดมนต์กัน เค้าก็เลยเขียนบทสวดมนต์ลงไปบนธง แล้วก็ปล่อยให้มันปลิวไปตามสายลม ..เชื่อกันว่า พอธงปลิวแล้วก็เหมือนกับเค้าได้สวดมนต์ไปด้วย


อันนี้ก็เป็นธงธิเบตตามที่เล่ามานะ
กระดิ่งข้างล่างก็สำหรับสวดมนต์เหมือนกัน แต่ไม่รู้ความหมายแฮะ



เราก็ยืนถ่ายรูปมุมนี้เหมือนกันนะ
แต่ไม่รู้ตอนถ่ายใครบอกไอ้รินให้ถ่ายให้เห็นยอดธงนะ
รูปเลยออกมามีเราแค่หัว T_T


อันนี้เป็นโฉมหน้าไกด์ไทย และเทศ และลูกทัวร์อีก 1 คนของเรานะคะ


ด้านนอกของโรงอาหารมีพื้นที่ให้เรานั่งกินข้างได้เหมือนกันนะ
(บรรยากาศดีกว่าข้างในหลายเท่า)


อันนี้เป็นคุณพี่ (หรืออาจจะคุณน้อง) ไกด์ของทางอุทยานนะคะ
จริงๆเค้ามี 2 คนต่อ 1 คันรถ แต่ว่าอีกคนนึงท่าทางบ่จอย ..เราเดินเข้าไปขอถ่ายแล้วเค้าโวยวายไรไม่รู้ เลยเหลือคนนี้คนเดียว ..ชุดธิเบตน่ารักมะ ??
เห็นหนุ่มๆละเป็นไม่ได้ วิ่งเข้าหาหมด


ตรงนี้เป็นวิวจากที่จอดรถ

ระหว่างที่รออยู่ เราก็เกิดอยากเข้าห้องน้ำ ..แล้วไอ้ห้องน้ำเนี่ย ที่นึงอยู่ในโซนกินข้างที่ไม่มีบัตรแล้วเข้าไม่ได้ ..กะอีกที่นึงอยู่ข้างนอก ..ถามแล้วเค้าก็ชี้ไปชี้มา หาอยู่ตั้งนานกว่าจะเจอ

ส้วมที่นี่ไม่รู้จะเรียกว่าไฮเทคดี หรือไร มันเป็นเหมือนถุงพลาสติกครอบบนโถส้วม แล้วก็พอเสร็จแล้วกดปุ่มอะไรซักอย่าง ไม่ต้องกดเลย มันมีเซนเซอร์ พอลุงปุ๊บมันก็ดึงลงไปเอง ถุงนี้มันก็จะถูกดูดลงไป แล้วมีถุงใหม่มาแทน ...จะว่าสะอาดมันก็อาจจะอ่ะนะแต่พอไม่มีน้ำ มันก็เลยประหลาดๆมั้ง ....Anyway, กลิ่นยังสุดทนเหมือนเดิม o(><)o///


โฉมหน้าส้วมครอบพลาสติก

แม่ๆช็อปกันน๊าน นาน ไม่รู้จะทำอะไรก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เนอะ


ทางรถวิ่ง ...ถ้าจะข้ามไปลานจอดรถ (ที่เห็นอยู่ลิบๆนั่น) ต้องลงอุโมงค์ไปด้วยนะ แบบว่าเคยจะข้ามที แล้วตำรวจโวยวายไม่ให้ข้าม


ธงธิเบตเรียงรายเต็มไปหมด


ภูเขาก็เห็นอยู่ไกลๆลิบๆ


ตรงนี้เป็นโซนสูบบุหรี่ล่ะ ...อยู่ไม่ไกลห้องน้ำด้วย

ที่นี่สร้างส้วมไว้สูงสุด ชั้นถัดมาเป็นที่สูบบุหรี่ แล้วถัดมาค่อยเป็นที่กินข้าวล่ะ ...จริงๆมันน่าจะสลับกันป่ะ ???


อันนี้ก็เป็นรถที่พาเราตะลอนกันทั้งวันนะคะ ..สีเขียวน่าร๊ากกก


หมดละ ..เดินทางกลับ

สมควรแก่เวลาเราก็ออกจากอุทยานกันเลย ขากลับนี่ต่างคนต่างเหนื่อย เลยนั่งนิ่งๆ ซะเยอะ

ตอนกลับออกมาผ่านโซนขายของ (ในอุทยาน) เจอชานมไข่มุกสีสันน่ารัก ดูน่ากิน เลยแวะไปซื้อมาชิมซะหน่อย (กะฝน คนละแก้ว) มันวางอยู่หลายสี น้ำตาล ขาว ม่วง เขียว ฯลฯ ..ไอ้เราก็กะว่าเอาสีน้ำตาลเนี่ยแหละ ยังไงๆ ก็ไมโล โกโก้ รสชาติไม่น่าเห่ยมาก แต่คนธิเบตนี่สุดยอดจริงๆ .. รสชาติเห่ยสิ้นดีไข่มุกก็ไม่ได้เรื่อง เสียดาย 5 หยวน (Y_Y) ....ฝนซื้อสีเขียวมา รสชาติดีกว่าหน่อย แต่ก็ยังเห่ยอยู่ดี

พี่เอ๊กซ์กินไปแล้วบอกว่า
"ท่าทางคงมีใครเข้าเมืองไปแล้วเห็น เลยมาทำขาย ...แต่มันไม่รู้จักชิมรสชาติก่อนแน่ๆ"
.... เห็นด้วยค่ะ .... วันหลังใครซื้อไปให้เค้ากินหน่อยดีมะเนี่ย ??

แต่ชานมไข่มุกก็ไม่ใช่อันที่รสชาติเห่ยสุดนะ ...พี่เอ๊กซ์ลองซื้อพิซซาธิเบต กะขนมปังธิเบตมา ...เห่ยกว่าล้านเท่า เหอๆๆๆ แบบว่าขนมปังของเค้าเนี่ยมันเป็นแป้งแห้งๆ แล้วมีผงกะหรี่ป้ายอยู่หนึ่งจึ๊ก รสชาติจืดสนิท ...หลังจากที่เด็กๆ ชิมกันเรียบร้อย (ยกเว้นเกี๊ยวซ่า กะรินจังที่ซื้อแสตมป์อยู่) พี่เอกซ์ก็จัดการเอาไปให้คนอื่นชิมทีละคน ..แต่ละคนหน้าตาบอกรสชาติอาหารได้อย่างดีเยี่ยม ประมาณว่า "เอาอะไรมาให้ตูกิน" ...แต่มีอยู่คน ...หน้าไม่บอกอาการเลยว่ากินไม่ได้ ...เดาออกมะว่าใคร ??? เหอๆๆๆ

ก็แบบว่าพอเกี๊ยวกะรินเดินมา พี่เอกซ์ก็เอาให้กิน ...คนแรกนี่สีหน้าบอกอาการเหมือนทุกคนที่ผ่านมา ..แต่สาวน้อยนางหลังนี่สีหน้านิ่งมาก ..ทุกคนก็จ้องอยู่ (คงนึกในใจว่า "นี่ไม่รู้สึกไรจริงๆหรอ") แล้วไม่รู้ใครซักคนถาออกมาว่า "รสชาติเป็นไง" ...รินจังคงไม่รู้ตัวว่าสีหน้าแสดงความลำบากใจมาก (มันคงคิดว่ารสชาตินี้ก็โอเค) จนใครซักคนบอกออกมาว่า "ถ้าแกว่ามันอร่อย แกก็บอกว่าอร่อยก็ได้นะ" ...เหอๆๆๆๆ เจริญอาหารจริงๆ เพื่อนตู

ไปทริปนี้นี่แรกๆก็ยังอยากลองอาหารบ้านเมืองเค้าอยู่ มาสิบจานก็ลองชิมสิบจาน แต่หลังๆนี่ชักไม่ไหว เลยใช้สังเกตจากหน้าเดียร์แทน ถ้าอันไหนมันคีบเข้าปากแล้วหน้าตาไม่แหยมาก แสดงว่ากินได้ (หน้ารินนี่สังเกตไม่ได้ เพราะมันอร่อยหมดทุกอย่าง)

ส่วนพิซซ่าธิเบตนี่ไม่ต้องพูดถึง ... สุดยอดกว่าขนมปัง ไม่สามารถหลอกใครได้ว่าอร่อย (แต่ก็ยังมีคนซื้อมา) อิอิ

เสร็จแล้วก็ออกมานอกตัวอุทยานเลย ตอนนี้ระหว่างทางมีขายของละล่ะ ..ของฮิตที่กินกันก็ เนื้อจามรีปิ้ง แต่เราไม่กินอ่ะ ..ไม่สามารถ แต่เกี๊ยวบอกว่าอร่อย

มันก็เหมือนหมูปิ้งโรยเครื่องเทศเยอะๆ อยู่เซี่ยงไฮ้กินบ่อย แต่เป็นเนื้อวัวกะเนื้อแพะแทน เดินออกมาคนขายเค้าเชื้อเชิญเหลือเกิน แถมบอกให้ลองชิมฟรี พอมันบอกฟรีปุ๊บก็หยิบสิ 5555 กินแล้วบอกคนอื่นต่อว่าอร่อยดี โป้เลยซื้อแจก ได้ฟรีอีกอัน เย้

ตรงนี้ได้จอกเหล้าจีนมาฝากต้องตาอันนึงด้วยล่ะ


จามรีปิ้งร้อนๆจ้า....


ท่าทางอร่อยเชียววว

เดินทางออกจากอุทยานก็ไปโรงน้ำชา ..นั่งกินชากันอยู่พักใหญ่ๆ ..ชุ่มคอ ชื่นใจ ...ได้ชากุหลาบมา 1 ห่อ ห๊อม หอม .... เราได้ชาไข่มุกหิมะที่ราบสูง หอมอร่อย เป็นของฝากถูกใจ


เสร็จจากชิมชา ก็เข้าโรงแรมกินข้าวกันเรียบร้อย ....วันนี้ต้องทำเวลากันหน่อย เพราะตอนดึกๆเรามีนัดกะโชว์ธิเบต .... โรงโชว์ (เรียกอย่างนี้ป่ะ) เป็นเหมือนกระโจมใหญ่ๆ แล้วตอนเข้าไปเค้าก็จะมีผ้าสีขาวมาคล้องคอให้เป็นธรรมเนียม ..แต่ว่าถ้าชอบนักแสดงคนไหน ก็สามารถเอาผ้าไปคล้องให้คนนั้นได้

แต่ละที่นั่งเค้ามีน้ำชา กะเหล้าเตรียมไว้ให้ (รสชาติประหลาดๆ แต่กินไปกินมาก็ชุ่มคอดี) กะเนื้อจามรีแดดเดียวอีก 2-3 ชิ้น ..แต่ท่าทางกลุ่มเราจะไม่ค่อยมีคนกินแฮะ


ที่นั่งอยู๋หลังสุดเลย ...ลุกมาเต้นได้สบาย...อิอิ


สาวๆธิเบต ..อ้อนแอ้นสุดยอด ...หนุ่มๆน้ำลายหกกันเป็นแถว


โชว์อันนี้ส่ายสะโพกกันมันส์
แล้วแถวที่เรานั่งเนี่ย เห็นแต่ข้างหลังซะด้วยสิ ..อิอิ


สาวธิเบตที่เดินมาเติมเหล้าให้


ตอนนี้เค้าให้ผู้ชมไปร่วมเต้นรำด้วย


ถ้าจำไม่ผิดอันนี้จะเป็นโชว์พิธีแต่งงาน


ดูในรูปนี้เหมือนจะหล่อ ชุดแบบอลังการมาก


อันนี้ให้ผูชมเข้าไปเล่นเกมกันด้วย ..สนุกดี


โชว์สุดท้ายแล้วจ้า........

เหนื่อยมากๆๆๆๆ วันนี้ เที่ยวซะเต็มที่เลย ...กลับโรงแรมนอนก่อนนะจ๊ะ พรุ่งนี้เดินทางทั้งวัน

<<<<<<< อ่านตอนที่แล้ว อ่านตอนต่อไป >>>>>>>



No comments: