Monday, October 19, 2009

สบู่ทำบุญ ช่วยงานทอดกฐิน

ตั้งแต่สบู่โคลนกุหลาบ กับสบู่ขิงงวดก่อน มีทำเพิ่มไปอีกหลายแบชเหมือนกัน แต่ตอนนั้นไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ ..แต่ไม่ต้องเสียดายไป เพราะฝีมือก็ยังห่วยระดับเดิม 5555

จะว่าไปก็ไม่ได้กวนสบู่มาเป็นเืดือนละ จนไปเจอกระทู้ใน TBB บอกว่าจะไปทำบุญ ...ร่วมด้วยช่วยกันทำสบู่ไปแจกคนทำบุญกันเถอะ .... เลยถือโอกาสหยิบหม้อมากวนสบู่ซะเลย ~~~~

ก่อนหน้านี้กวนแต่แบชเล็กๆ แต่คราวนี้ขอแบชใหญ่หน่อยละกันนะ (แบชใหญ่ทำง่ายกว่าแบชเล็กจริงๆด้วยแฮะ)


I สบู่กะทิ กลิ่น Orange mint
Additive : รังไหม กะทิ ขมิ้น เปลือกมังคุด


II สบู่กะทิ กลิ่น Frangipani
Additive : รังไหม กะทิ
(จริงๆเตรียมชาเขียวมาใส่ แต่น้ำหอมมันเร่งเทรซ ใส่ไม่ทัน!!!)
แบชนี้ทำไว้ให้หนุ่มๆโดยเฉพาะ ฟองท่วม + อาบแล้วไม่ค่อยลื่น (แต่สำหรับเรามันแห้งไป)


III สบู่โยเกิร์ต กลิ่นสตอเบอรี่
Additive : รังไหม โยเกิร์ต
อันนี้พลาดอีกแล้ว ... ลืมไปว่าโยเกิร์ตไม่ต้องเอาไปหมักให้ร้อน..ดั๊นนน เอาไปวางบนถุงน้ำร้อนซะนี่ ..จากสบู่สีแดงระเรื่อๆ กลายเป็นสีน้ำตาลไปซะเลย
(แต่เอามาทดลองอาบแล้วใช้ได้ๆ)

ต่อไปเป็นสบู่ HP เนื่องจากเวลาจำกัด .. รอเอจไม่ทัน
งานนี้ไม่เคยทำ HP เลยต้องมาเสี่ยงกันซักหน่อย ~~~


IV สบู่ธรรมดากลิ่น Lavender Eucalyptus
Additive : ไม่มีเลย (^^')
คือแบบว่ามัวแต่กังวลว่าจะทำ HP ไม่รอด เลยลืม additive ทุกอย่างเลยอ่าาา


V สบู่เบียร์ กลิ่น Herbal
Additive : รังไหม เบียร์ สารสกัดจากใบบัวบก (แถม Glycerin ด้วย)
แก้ตัวจาก lot ที่แล้ว เลยใส่ลงไปโฮก (^^')

แบชนี้พยายามไม่เปิดฝาหม้อ + ใส่ Glycerin ลงไปอีก เนื้อเลยแอบเละนิดนึงอ่ะ ..มีเวลาตาก 2 อาทิตย์ยังไม่แข็งดีเลย (เทียบกับแบชก่อน อันนั้นพอเอาออกจาโมลปุ๊บ ข้ามคืนก็แข็งโป๊กละอ่ะ)


สุดท้ายเอามาห่อก็ดูดีใช้ได้


รึเปล่าหว่า ???

เจลล้างมือ, โลชั่น, Cream Soap

ไอ้กระปุกใหญ่ๆนี่
สืบเนื่องจากหน้าที่แล้ว ...วันหยุดยาวทั้งที ทำแค่สบู่ได้ไงเนอะ

งานนี้เค้ามีอะไรลองทำ ทำมันให้หมด (เท่าที่มีปัญญา) - ทำเสร็จออกมาของเต็มบ้านเลย 555


โฉมหน้าตัวอย่างของที่ทำ
(ปกติทำทีเยอะ ไอ้กระปุกใหญ่ๆนี่หลบอยู่หลังฉาก)


พักนี้ไข้หวัดระบาด ต้องทำเจลล้่างมือซะหน่อย

ทำออกมาแล้วกลิ่นแอลกอฮอล์แรงมาก อุตส่าห์เสี่ยงเอาแอลกอฮอล์ไปอังไฟไล่กลิ่นออกมาก่อน (ต้องไปอังบนน้ำที่เดือดนะ เอาไปอังตรงๆนี่ไฟลุกได้) แต่กลิ่นไม่จางลงเลย ..ตอนแรกว่าจะทำแจกลูกค้า แต่ QC ไม่ผ่าน เลยเป็นอันตกไป ~~~


ต่อมาเป็นโลชั่น

สารภาพตามตรงว่าตอนนั้นที่บ้านมีน้ำมันอะไรก็ลองเอาน้ำมันนั้นมาทำก่อน ไม่ได้จดเอาไว้ ... แต่พอเอาไปให้คนื่อนลองแล้วผลตอบรับดี ...ซวยเลยตรู ... ต้องมานั่งลองใหม่ ว่าตอนนั้นผสมอะไรลงไปมั่งหว่า ??? (แต่คงไม่ยากหรอก ปกติตุนน้ำมันไม่กี่อย่าง)

ถ้าคนชอบดอกไม้ไทยๆ..กลิ่น Frangipani อันนี้หอมใช้ได้ทีเดียว


Salt scrub..อัีนนี้แม่ชอบมากกกก

อันนี้เอาไปให้ใครใช้ก็มีแต่คนชอบ ... แต่ว่าลองทำใหม่แล้วได้ไม่เหมือนเดิมอ่ะ ไม่รู้ทำไม ...เจ๊งไป 2-3 หม้อละ ทั้งๆที่ใช้สูตรเดิมเป๊ะ วัตถุดิบแบบเดิมเป๊ะเลยนะเนี่ย (จริงๆใช้ได้เหมือนกัน แต่อันที่เจ๊งนี่น้ำมันมันลอยอ่ะ)


Cream soap

เห็นครั้งแรกนี่อยากทำมากกกกกก ดูน่าใช้เป็นที่สุด เค้าบอกว่าทำเป็นครีมโกนหนวดให้ผู้ชายได้ เลยบึ่งไปหาวัตถุดิบมารีบทำโดยเร็ว ...เท่านั้นไม่พอ ...พี่ที่ทำไว้บอกว่าต้องทำกันทั้งวันทีเดียว เลยตื่นมาทำแต่เช้า

วิธีทำคร่าวๆมันคือตุ๋นหัวเชื้อ รอจนมันสุกแล้วเอามาละลายน้ำ แล้วก็ปั่นให้มันฟู

ตอนก่อนตุ๋นนี่ไม่เท่าไหร่ ไอ้ตอนละลายนี่แทบตาย .... หม้อนิดนึงนั่งละลายอยู่หลายชั่วโมง ลากเลือดมากๆๆๆ

แบชแรกข้างบนนี่พลาด ตอนละลายใจร้อนเกินไป มันเลยละลายไม่หมด พอใส่สีใส่กลิ่นลงไปแล้วตีครีมเนื้อมันเลยไม่สวย .... วันรุ่งขึ้นเลยลองใหม่ ... คราวนี้ปั่นจนละลายหมด ฟูสวยเชียว ~~~~


แบช 2 ปั่นตั้งแต่ข่าวยังไม่จบจบ ยันละครจบ
เหงื่อแตกพลั่กๆๆๆ


ใส่สีใส่กลิ่นไปแล้วก็ยังสวยอยู่

แต่ๆๆๆๆ กลับไปอ่าน how to อีกที เค้าบอกว่าให้ทิ้งเอาไว้ก่อน ...พอจะใช้แล้วค่อยมาใส่สีใส่กลิ่น ..แป่วววว พลาดจนได้ตรู !!!

แต่พอทิ้งไว้ซักอาทิตย์ เนื้อมันไม่เนียนแบบนี้ละนะ ต้องปั่นซักเล็กน้อยให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม

ถ้าใช้แทนสบู่ สูตรนี้แห้งไปสำหรับเรา (แต่จริงๆถ้าเปลี่ยนน้ำมันที่ใช้น่าจะแห้งน้อยกว่านี้) แต่แมกซ์เอาไปโกนหนวดแล้วบอกว่าใช้ได้ ~~~ (ถือว่าบรรลุเป้าหมายละ)



Baking Soda Scrub

อันนี้อยากลองทำสครับอีกรอบ ..ใช้ Baking soda แทนเกลือ
(แต่ถ้าจำไม่ผิดจะใส่เกลือที่ซองละ 5 บาทลงไปด้วย ...กะให้เป็นสครับหยาบเล็กน้อย)

ผลปรากฏว่า น้ำมันลอยหน้าไม่เป็นท่าเลย (ปกติมันต้องทิ้งไว้แปปนึงก่อน แล้วน้ำมันจะค่อยๆลอยขึ้นมา อันนี้นี่ไม่ต้องรออ่ะ ลอยขึ้นมาเร็วมาก) ..ดันทุรังลองเอาไปใช้ ปรากฎว่าแสบผิวอย่างแรง Y_Y เลยทิ้งไปโดยปริยาย ~~~~~

ปล. ตอนหลังลองทำ baking scrub อีกก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ เรื่องแสบผิวนี่ไม่มีแล้ว แต่เรื่องน้ำมันลอยหน้านี่มือยังไม่นิ่ง บางทีก็เป็น บางทีก็ไม่เป็น ...งง!!!!

Rose Clay + Ginger

จำได้ว่าช่วงนี้ long weekend ไม่มีใครชวนไปไหน เลยนั่งฝึกฝีมืออยู่กับบ้านเนี่ยแหละ

รอบนี้ทำออกมา 2 แบช เนื้อสบู่ดูมีพัฒฒนาการขึ้นเล็กน้อย (มั้ง) 555

แบชแรก Rose Clay

แบชนี้ใส่ additive เพียบบบ
มีโยเกิร์ต รังไหม แล้วก็เหยาะโคลนกุหลาบลงไปให้มันหยาบๆพอเป็นสครับได้เล้กน้อย + ใส่กลิ่นกุหลาบให้เข้ากันดี (โคลนไม่มีกลิ่นเลย)

จริงๆใส่สีแดงลงไปนิดๆนะ แต่ไม่รู้ว่าที่มันออกมาเป็นสีนี้เป้นเพราะโยเกิร์ตไหม้ หรือสีโคลนกุหลาบ (คาดว่าสีโคลนมากกว่า เพราะโยเกิร์ตแบชอื่นไม่เป็น)

อีกอย่าง แบชนี้เพิ่งลองใส่ stearic ลงไปให้เนื้อมันแข็งขึ้น ...ผลออกมาคือแข็งโป๊กเลยจริงๆ ..ตอนแรกก็ชอบอยู่ แต่พอลองอาบแล้ว เหมือนสบยู๋มันหักง่ายกว่าอันที่ไม่ใส่ล่ะ


Rose Clay

แบชที่ 2 สบู่ขมิ้นกลิ่นขิง

อันนี้ก็ใส่โยเกิร์ต แต่ใส่ลงไปแค่ช้อนเดียว (ง่ายกว่าโยเกิร์ต 100%) แล้วก็ใส่รังไหม กับผงขมิ้นอีกไปเล็กน้อย

น้ำหมอกลิ่นนี้หอมถูกใจอย่างแรง (แต่ดันเร่งเทรซ) หน้าตาเลยออกมาไม่ค่อยเรียบเท่าไหร่


Ginger
อันนี้แจกแล้วคนชอบเยอะ (^^)

สบู่ดวลครบรอบวันเกิด TBB

ที่ TBB เค้ามีดวลสบู่กันฉลองครบรอบ 1 ปีของเวบ ...ตอนแรกก็ไม่บังอาจส่งเพราะแต่ละคนที่นั่นนี่มีแต่เก่งๆ
แต่เค้าบอกว่าไม่เอาผลแพ้ชนะ อยากให้ทำกันสนุกๆมากกว่า ก็เลยลงชื่อไปโดยไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น

ก่อนหน้านี้ไม่เคยทำลายสบู่ได้เลย แต่คราวนี้อยากลองซักครั้ง ...เท่านั้นไม่พอ เคยทำแต่เป็นก้อนใหญ่ๆแล้วเอามาตัด ตอนนี้ก็ริอาจจะทำเป็นก้อนสำเร็จเลย (ไปซื้อกล่องนามบัตรมาทำเป็นโมล)

มีลายอยู่ในหัวเรียบร้อย แต่ทำออกมา 5 รอบกว่าจะได้(เกือบ) เหมือนอย่างที่คิด

จริงๆที่ต้องเอาอันนี้ส่งเพราะว่าหมดเวลาแล้ว ถ้ายังไม่ถึง deadline คาดว่าคงต้องมีทำใหม่เีรื่อยๆแน่นอน ~~~

ที่คิดเอาไว้ในหัวนี่คืออยากให้สบู่พื้นขาวเลย ด้านล่างเป็นสีน้ำตาล แล้ววาดลายให้ค่อยๆเลื้อยขึ้นเหมือนต้นไม้ที่ค่อยๆโต แล้วก็มีแต้มสีแดงเป็นจุดๆ แสดงถึงดอกไม้ที่ผลิบานเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม (คิดได้!!!)

concept ในหัวเหมือนจะเดิ้น แต่.... สบู่ที่ออกมาเป็นแบบนี้ .. อ๊ากกกกก


สีแดงมันเด่นเกินไปหน่อยอ่ะ
ของจริงมันไม่แจ๋นออกมาอย่างนี้นะ (Y_Y)





แบชแรกๆทำออกมานี้อย่างเหลือง เพราะนำมันบ้านเรามันเหลือง + ไม่อยากใส่ TD สุดท้ายเลยใชข้น้ำมันมะพร้าว, เชียร์บัตเตอร์ กับละหุ่งแค่ 3 อย่าง พื้นสบู่มันก็เลยขาวดั่งใจ (แต่เอาไปอาบน้ำแล้วแห้งเกินไปสำหรับเราแฮะ)

ปล. มาดูรูปแล้วแอบอนาถกับการลงสีแดง แต่เอาเหอะ.. ทำไปแล้ว 555

สบู่ก้อนรอบ 2 ....มาอีก 5 แบช

มาฝึกฝีมือต่อกันอีกซะหน่อย คราวนี้เอาขึ้นมาทีเดียวเลย 4 แบช
(ออกมาก็เป็นสบู่อ่ะนะ แต่ไร้ซึ่งความสวยเสียนี่กระไร)

แบชแรก : ฺีBubble Gum
จริงๆตั้งใจทำสีชมพูอ่อนๆ แต่ใส่สีไปแล้วหายหมด เลยกระหน่ำลงไปอย่างเยอะ
แต่พอใส่น้ำหอมลงไป สีมันดันโผล่ขึ้นมา ..เซ็งเลย สีปี๊ดมาก

สรุปว่าเอามาอาบน้ำได้ แต่สีตก !!!! (ฟองชมพูเชีัยว~~~~)


Bubble Gum

แบชที่ 2 : Sakura Blossom

พอดีโลตัวขายพิมพ์ซิลิโคนราคาถูก เลยซ์้อมาลอง แบ่งออกเป็น 3 ส่วน
ว่วนแรกไม่ใส่อะไรเพิ่ม ส่วนที่ 2 ใส่ผงถั่วเขียว ส้วนที่ 3 ใส่ผงชาเขียว ใช้สีธรรมชาติไล่สีเอา

ผสมออกมาสีสวยเอาการทีเดียว... แต่พอเทน้ำหอมลงไป เร่งเททรซซะ .... เทลงโมลแทบไม่ทัน
โมลอันแรกๆพอสวยได้อยู่ แต่อันหลังๆนี่ไม่ทันละ เลยเละเทะไปเลย (^^")

แต่อันนี้ตากไปแล้วไม่ค่อยเจล + เหมือนน้ำหอมจะไม่ work เลยเป็นก้อนขาวๆที่เนื้อสบู่ (ใช้ได้อยู่ แต่ฟองน้อยไปนิดนึง) ....อีกอย่าง...สบู่ทรงแบบนี้มันอาบไม่ถนัดอ่ะ สบู่ก้อนสี่เหลี่ยมธรรมดาดีกว่าแฮะ


Sakura Blossom
(เพิ่มผงถั่วเขียว + ชาเขียว)

แบชที่ 3 : Lavender

กลิ่นนี้เสี่ยงต่อการเทรซอย่างแรง ก็ว่าเตรียมตัวแล้่วนะ แต่มันเทรซเร็วจนตกใจ เทน้ำหอมลงหม้อไม่ทันไร แทบจะเทลงโมลไมไ่ด้

สรุปว่าเทลงโมลพอตัดได้นิดหน่อย (ปกติตัดแนวสูง ครั้งนี้ต้องตัดแนวกว้างแทน เทได้อย่างเตี้ย) ที่เหลือแงะจากหม้อมาปั้นๆ (ไอ้ด้านขวามือที่เห็นในรูปนี่แหละ ทุเรศมาก) .. แต่กลิ่นหอมเกินคาด อาบแล้วก็พอใช้ได้เหมือนกัน (^^)


Lavender

แบชที่ 4 : Orange-Mint

กลิ่นนี้อยากทำมานานละ ... กะว่าจะ swirl สีส้ม กับเขียวหรือไงเนี่ย
แต่พอใส่สีลงไป (ตอนนั้นใช้สีผสมอาหารอยู่) สีเขียวตรู ทำไมกลายสภาพเป็นสีนี้ฟระ!!!!
แถมแบ่งปริมาณทำ swirl ไม่เป็นอีก ..ก็เลยได้สบู่อย่างที่เห็นนี่แหละ

ตอนตากไปซักพัก หน้าสบู่เป็นก้อนขาวๆ ตอนแรกนึกว่าแอช แต่ที่ TBB บอกว่าเพราะน้ำหอม ....เนื้อสบู่เสียไปเลยเหมือนกัน ...ยังใช้ได้ แต่ฟองไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ (รู็สึกอันนี้เป็น CP ที่สภาพออกมาแย่สุดละเนี่ย)


Orange Mint

แบช 5 สุดท้ายละ Lavender-Bergamot

มีผิวมะกรูดป่นอยู่ที่บ้าน เลยจะเอามาใส่สบู่ให้เป็นสครับหน่อย แถม(แรด) อยากทำสบู่โยเกิร์ตอีก ...งานนี้ตอนเทโซดาไฟลงโยเกิร์ตนี่กลิ่นแอมโมเนียแรงมาก แทบจะอยากเททิ้ง แต่ดันทุรังทำไปจนเสร็จ

รุ่งขึ้นพยายามจะแกะออกจากโมล ...ปรากฎว่าแกะไม่ได้ครับท่าน !!!! ต้องใช้ช้อนค่อยๆตักออกมาแล้วโยนลงหม้อตุ๋น rebatch เอา (ตอนแกะออกจากโมลรอบ 2 นี่ก็ใช่ว่าจะง่าย แต่พอเอามาปั้นๆได้ 555)

สภาพทุเรศกว่าอันที่แล้่วอีก (เพราะต้องปั้น) แต่แมกซ์บอกว่า เท่าที่ทำมา อันนี้ใช้ดีสุด (--')


สบู่โยเกิร์ต HP กลิ้น Lavender ใส่ ผงมะกรูด
(Ingredient ชนะเลิศ)

Sunday, October 18, 2009

สบู่เหลวธรรมชาติ (ฺCitric Acid)

ครั้งที่แล้วเล่าเรื่องการทำสบู่เหลวแบบธรรมชาติไปละ คราวนี้ลองทำให้ดูอีกแบบ

ครั้งก่อนตอนเราปรับค่าความเป็นด่างของาบู่ เราใช้ Borax เป็นตัวปรับ แต่คราวนี้เราจะลองมาใช้กรดมะนาว หรือ Citric Acid เป็นตัวปรับแทน (^^)

ผลที่ได้ต่างกันแค่เนื้อสบู่นะ ส่วนเรื่องคุณสมบัติ ฟอง ฯลฯ ทั้ง 2 แบบเหมือนกันจ้า


รูปนี้คือสบู่เหลวที่ละลายหัวเชื้อเรียบร้อยแล้ว


พอใส่ Citric ลงไปแล้วกลายสภาพแบบนี้ น่าเกลียดมากๆๆๆๆ


แต่คนๆไปแล้วก็ใช้ได้

พอใส่สีลงไปแล้วกลายเป็นแบบนี้

สรุปว่าเนื้อสบู่แบบที่ใส่ Citric ลงไปแล้วจะได้เป็นแบบเจลข้นๆ (นึสภาพเหมือนเจลใส่ผมแบบนั้นอ่ะ) เนื้อจะนุ่มพอประมาณ + ไม่ต้องกังวลเรื่องสบู่จะใสไม่ไใสด้วย เพราะเจลอันนี้มันมองไม่ออก (สังเกตว่าพอเติม Citric แล้วมันกลายเป็นสีขาวขุ่นไปเลยอยู่ดี)


เห็นเจลมันข้นไปเลยลองเติมน้ำ (ไม่น่าเลยกรู)
เป็นเจลข้นๆเนื้อจะสวยกว่าอ่ะ เติมนย้ำลงไปแล้วมันขุ่นขึ้น ดูไม่สวยเลย


เหยาะสีเพิ่มหน่อย (เพราะจะใส่กลิ่น lavender)

จะเป็นเนื้อแบบไหนดีก้แล้วแต่คนชอบนะ เนื้อนี้ยังพอใส่ขวดปั๊มใช้งานได้เหมือนกัน

แต่ว่าหลังจากเราทำแบชนี้แล้ว เราลองทำอีกหลายรอบพอสมควร กะเวลาตุ๋นไม่ถูกซักที เพราะ test ทีไรไม่เคยใส แต่พอตุ๋นนานไป สบู่มันใสแบบไหม้ๆ (มันออกแนวคล้ำอ่ะ) ส่วนแบชที่ดีๆ ใสแล้ว ไม่ไหม้แล้วเนี่ย พอทิ้งไว้ซัก 3-4 เดือน กลิ่นน้ำมันมันก็เริ่มออก (ทั้งๆที่ใส่กันหืนแล้วนะ) ... จริงๆตอนนี้ละลายหัวเชื้อเสร็จ เราก็ว่ากลิ่นน้ำมันมันแรงกว่าสบู่ก้อนเหมือนกันนะ

สุดท้ายเลยเลิกทำไปโดยปริยาย เหันกลับมาทำสบู่ก้อนดีกว่า ทำง่ายกว่า + แต่งกลิ่นง่ายกว่าเยอะ

สบู่เหลวสูตรธรรมชาติ (ฺBorax)


เนื่องมาจากว่า ความตั้งใจตอนแรกเลย อยากจะมาทำสบู่เหลวสูตรธรรมชาติ ก่อนจะมาเจอ TBB เคยลองทำไปแล้วรอบนึงตามขั้นตอนเป๊ะๆๆๆ (เท่าสที่หาได้) เจ๊งไม่เป็นท่า โครงการแลยแน่นิ่งไปโดยปริยาย

ตอนหลังมาเจอวิธีการทำแบบละเอียดยิบๆๆโดยพี่แอนจาก TBB เลยต้องมาลองกันใหม่อีกซักตั้ง ..ได้ผลดั่งใจคาด ต้องขอบคุณพี่แอนมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

ขออนุญาตเอารูปการทำมาแปะให้ดูเล็กน้อย ว่าน้ำมันจะกลายสภาพเป็นสบู่เหลวมันผ่านขั้นตอนยังไงกันบ้าง แต่ไม่เขียนรายละเอียด how to นะ ใครอยากลองทำก็ลองไปดูที่ TBB หรือค่อยถามมาละกัน

งานนี้เราก็เอาน้ำมันมากวนกับ lye เหมือนกับสบู่ก้อน แต่เราจะใช้ KOH แทน NaOH โดยเราจะกวนให้มันเทรซหนักๆก่อน แล้วค่อยเอาไปตั้งไฟตุ๋น ....กว่าเราจะตุ๋นได้ที่ ก็ล่อไปเกือบ 10 ชั่วโมงแน่ะ (แต่ทำไมบางคนบอกว่า 3-4 ชั่วโมงก้เรียบร้อยแล้วก็ไม่รู้ เราทำไม่เคยได้แฮะ)


ตอนเท lye ลงไปในน้ำมันแรกๆ หน้าตาเป็นอย่างนี้
พอมันเทรซก็จะยังสีประมาณนี้อนู่แต่เป็นก้อนแข็งๆ


แต่พอตุ๋นได้ที่แล้วหน้าตาจะเปลี่ยนเป็นประมาณนี้
เรียกก้อนนี้ว่า หัวสบู่

ความยุ่งยากของสบู่เหลวอีกอย่าง คือเราต้องมาทดสอบว่าสบู่ที่เราทำได้มันจะใสมั๊ย ?
(รอบแรกก่อนจะมาเจอ TBB เราทำออกมาเป็นสบู่ขุ่นมาก ไม่น่าใช้เลย)
วิธีการ test ก็คือตักไอ้ก้อนนั้นอออกมาช้อนนึงเอาไปละลายน้ำแล่วรอให้มันเย็น


ถ้าเย็นแล้วหน้าตาแบบนี้ ยังใ้ช้ไม่ได้ เอาไปตุ๋นต่อโลด


แต่ถ้าหน้าตาประมาณนี้ ก็พอไปวัดไปวาได้
(ความใสที่เราเห็น จะเป็นความใสของสบู่เหลวที่เราทำเสร็จเรียบร้อย)

ปล. แต่ว่าเรา test หลายครั้ง มันก็ไม่ใสกิ๊งทุกครั้งนะ .. แต่สุดท้่ายพอทำออกมาเป็นสบู่แล้ว มันก็ใสเอาการเลยแหละ



พอใสได้ที่ เราก้เอาหัวสบู่ไปละลายน้ำ ทิ้งไว้ข้ามคืน


ตอนเช้ามาสบู่ละลายหมดก็จะได้หน้าตาประมาณนี้

หลังจากนั้นเราก็จะมาปรับค่าด่างด้วยการเติม Borax แล้วก็เพิ่มความชุ่มชื้นโดยการเติม Glycerin เสร็จแล้วก็ใส่น้ำหอม
น้ำหอมที่ใช้นี่มันอาจจะทำให้สบู่กลับมาขุ่นได้เล็กน้อย ต้องใ้ช้ tween20 เป็นตัวช่วย (เข้าใจว่าเนื้อมันไม่เข้ากันอ่ะ tween เป็นตัวเชื่อม ประมาณให้น้ำกับน้ำมันละลายด้วยกันได้)


3 แก้วนี่ใช้น้ำหอมคนละกลิ่นกัน เห็นได้ชัดว่าตัวขวาสุดขุ่นกว่าตัวอื่นชัดมาก


เสร็จแล้วก็ใส่สีตามสะดวก (สีเห่ยมาก)
ตอนหลังคิดได้ว่า ถ้ามำสบู่เหลวแบบนี้ ไม่ต้องใส่สีจะสวยที่สุด!!!

ปล. เท่าที่ลองทำดู แบชที่ออกมาไม่ใสกิ๊ก พอทิ้งไว้แล้วซักพักมันจะใสเอง แต่เหมือนมีคราบน้ำมันลอยหน้าอยู่ ถ้าสามารถตักออกไปได้หมด มันก็ใสกิ๊กน่าใช้เหมือนกันจ้า

เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น ...แต่ต้องทิ้งไว้อีกซัก 2 อาทิตย์ถึงจะเอามาใช้ได้นะ (^^)







สบู่ก้อน 2 แบชแรก

อ่านกระทู้ใน TBB ไม่นานก็คันไม้คันมืออยากลอง พอวันหยุดปุ๊บ รีบบึ่งไปวัดตึกทันที (จำได้ว่าวันนั้นฝนตกด้วย แต่หยุดไมไ่ด้) ซื้อวัตถุดิบมาพร้อมก็ลงมือเลย ... แบชแรกที่ทำได้หน้าตาแบบนี้

ปล. อันนี้ทำลงใน TBB นานมากละ ไม่ได้แต่งรูปด้วย ...เอารูปต้นฉบับมาแปะเลย


Orange Grapefruit


ดูไปหน้าตาไม่เลวนี่หว่า ~~~~

ด้วยความใจร้อน ไม่ทันลองใช้ว่าดีไม่ดี ก็ขอลองอีกซักแบช (น้ำมันกับโซดาไฟยังเหลือ แถมน้ำหอมก็ซื้อมาเพียบบบบ)

คราวนี้อยากลองสบู่ดีๆ กลิ่นไทยๆ เลยล่อน้ำมันมะกอก แถมเตรียมใส่กวาวเครือขาวลงไปอีก (หรือว่านนางคำก็ไม่รู็ ลืมไปละ) ส่วนกลิ่นไทยๆเรามีกลิ่นมะพร้าว ใบเตยอีก ...นึกภาพเอาไว้ว่าอยากได้สบู่สีเขียวนวลๆ กลิ่นใบเตยมะพร้าวอ่อน ...น่าใช้แน่ๆ

พอสบู่ได้ที่ ใส่กวาวเครือลงไป ....อ่ะจ๊ากกกก กลายเป็นสีน้ำตาลเข้มไปได้ไงเนี่ย

พอดัีนทุรังใส่สีเขียวลงไปอีก ก็กลายสภาพเป็นแบบนี้แหละ


ออกมาเป็นขนมหม้อแกงใบเตยมากๆแถมเนื้อนิ่มสุดๆ
(เพิ่งมารู็ตอนหลังว่ามะกอกเนื้อจะนิ่ม ต้องทิ้งไว้ซักพักแล้วเดี๋ยวจะแข็งเอง)

พอกวนแบชนี้เสร็จ ก็คิดว่า เราควรจะหยุดศึกษาข้อมูลเพิ่มอีกซักหน่อยดีกว่า ...ก่อนจะลงมือต่อไป 555

ที่มาที่ไป -DIY skincare

เรื่อง ของเรื่องเลย คือ ตั้งใจจะเพิ่มสินค้าในกลุ่มของผิวกาย ก็เลยเริ่มไปเข้าคอร์สอบรมต่างๆ ให้รู้จักพวกส่วนประกอบในเครื่องสำอาง เพื่อเป็นข้อมูลในการดูคุณภาพของผลิตภัณฑ์ .. ตอนแรกก็เรียนเน้นไปเรื่องของครีม โลชั่นนะ แต่ไปๆมาๆกลับรู้สึกว่า "สบู่" มันมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ สุดท้ายสินค้าสำหรับผิวกายตัวแรกของเดียร์เลยกลายเป็นสบู่ไปซะนี่ ไหนๆก็ไหนๆ เอาความรู้เรื่อง "สบู่" มาแชร์กันหน่อยละกันเนอะ~~~

DIY Skincare ในนี้ส่วนมากเลยจะเน้นเรื่องสบู่เป็นพิเศษ


ปล. ต้องออกตัวก่อนว่า เดียร์ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสบู่นะคะ เดียร์เขียนจากข้อมูลที่ search เจอบ้าง ไปเรียนบ้าง ถามจากผู้เชี่ยวชาญบ้าง และเดียร์เองได้ลองทำดูเองบ้างเล็กน้อยพอเป็นประสบการณ์ ดังนั้น หากมีจุดไหนที่เดียร์เข้าใจผิด เดียร์ฝากแจ้งเดียร์ เพื่อนำมาแก้ไขด้วนนะคะ ....ขอบคุณมาก ณ ที่นี้ค่ะ

ก่อนอื่น...เรามาทำความรู้จักคำว่า "สบู่" กันก่อนนะคะ

สมัย โบราณเค้าจะเอาน้ำมันมากวนกับน้ำขี้เถ้า ทิ้งไว้ซักระยะก็จะได้ก้อนแข็งๆออกมาก้อนหนึ่ง เอาไปใช้ทำความสะอาดร่างกายได้ ... นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันก็เขียนสมการของกระบวนการอันนี้ตามภาษาบ้านๆออกมา เป็น

น้ำมัน + โซดาไฟ (น้ำขี้เถ้าแหละ) = สบู่ + กลีเซอรีน

ดังนั้น "สบู่" ในที่นี้ ก็น่าจะหมายถึงสารที่มีคุณสมบัติในการชำระล้างสิ่งสกปรก ส่วนกลีเซอรีนก็คือสารที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง ทำให้สบู่ที่กวนจากกระบวนการตามธรรมชาตินี้ ไม่จำเป็นต้องไปสรรหาอะไรมาใส่เพิ่มเติมก็ได้ ..แค่กระบวนการปกติของมันก็สามารถบำรุงผิวได้อยู่แล่ว (จริงมะ??)

แต่ๆๆๆๆ เห็นสมการง่ายๆอย่างนี้ การทำสบู่ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดนะ...อิอิ


เอ... มันก็ไม่น่ายากนี่น่า... ทำไมสบู่มันถึงมีอะไรให้เรียนรู้เยอะล่ะ

ถามง่ายๆเลย... ถ้าอยากทำสบู่ดีๆซักก้อนนึง เราจะเอาน้ำมันอะไรมากวนสบู่ดีล่ะ ??

อึ้งไปเลย ... 555
ขนาดเดินไปในซุปเปอร์ จะเลือกน้ำมันมาทอดหมูยังมีน้ำมันตั้งไม่รู้กี่แบบ คราวนี้ให้เลือกมาทำสบู่จะเอาน้ำมันอะไรดีละนี่ย ??

เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ เดียร์ขอแบ่งปัจจัยหลักที่มีผลต่อคุณภาพของสบู่ออกเป็น 2 เรื่องละกันเนอะ

1. ชนิดของน้ำมันที่จะนำมาใช้


เห็น สบู่ก้อนเล็กๆแค่นิดเดียวเนี่ย จะบอกว่าคนใช้ก็ต้องการอะไรจากมันเยอะนะ ...ฟองต้องเยอะมั่งละ เนื้อต้องแข็ง ไม่ยุ่ยน้ำ อาบแล้วต้องไม่ให้ผิวแห้งตึง แต่เอาแบบล้างออกง่ายๆนะ ล้างออกยากไม่เอา บลาๆๆๆ ~~~
ทั้งหลายทั้งปวงนี้เป็นผลมาจากคุณสมบัติของ "น้ำมัน" นั่นแหละ

น้ำมัน ในโลกนี่ก็มีไม่รู้กี่ 10 แบบ ทั้งจากสัตว์ จากเมล็ดพืช จากดอกไม้ ฯลฯ อีกมากมาย แต่ละตัวก็จะมีค่าต่างกัน เช่น น้ำมันมะพร้าวให้ฟอง แต่ทำให้ผิวแห้ง, น้ำมันรำข้าวให้วิตามิน E บำรุงผิว แต่ไม่มีฟอง เป็นต้น

ดัง นั้น ในการกวนสยู่แต่ละครั้ง เราก็ต้องรู้ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันพอสมควรทีเดียว จะได้มั่นใจได้ว่าสบู่ที่เราจะกวนให้ผลตามแบบที่เราต้องการจริงๆ
ทีนี้ ถามว่า..ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวสำหรับสบู่ที่ดีที่สุดหรอ ??
จะขอตอบว่าามันก็มีสบู่สูตรมาตรฐานที่ใช้ได้ทั่วๆไป แหละ แบบไม่ต้องคิดมาก ...
แต่ ถ้าเอาให้เวอร์หน่อย (แต่ดีจริงๆ) สุดยอดสบู่มันก็ต้องดูสภาพผิว ความชอบ แล้วก็อาจจะต้องพ่วงที่สภาพอากาศตอนที่จะใช้ด้วย จริงมะ ?? หน้าหนาวก็ใช้แบบที่บำรุงผิวหน่อย แต่หน้าร้อนก็ใช้แบบที่สะอาดๆหน่อยเป็นต้น (^^)

2. ปริมาณของโซดาไฟ


ในการทำสบู่นี่ ฝรั่งเค้าเรียกกระบวนการที่น้ำมันกับโซดาไฟทำปฏิกิริยากันว่า Saponification หรือ Saponify ซึ่งสบู่จะทำมาใช้ได้ก็ต่อเมื่อกระบวนการนี้เสร็จสิ้นแล้ว แต่โดยปกติเค้าจะไม่ให้มันทำปฏิกิริยากันแบบสมบูรณ์ 100% ซะทีเดียวแต่จะให้เหลือน้ำมันส่วนเกินเล็กน้อย เพื่อให้นำมันนั้นบำรุงผิวไปในตัว เรียกว่า superfat ซึ่งโดยปกติจะ superfat กันอยู่ที่ 5%-8%
ประเด็นที่เราต้องระวังในการใส่โซดาไฟ คือ
2.1 ปริมาณโซดาไฟในการ saponify กับน้ำมันแต่ละชนิด ไม่เท่ากัน หมายความวาา ถ้าเปลี่ยนน้ำมันเมื่อไหร่ ปริมาณโซดาไฟต้องเปลี่ยนตามไปด้วย
2.2 อย่าลืม Superfat เพราะ้ถ้า superfat น้อยเกินไป จะเกิดโซดาไฟส่วนเกินซึ่งอาจจะระคายเคืองต่อผิวได้ หรือในทางกลับกัน ถ้าโซดาไฟน้อยเกินไป จะเกิดน้ำมันส่วนเกินซึ่งจะทำให้สบู่เหม็นหืนได้ง่าย หรือสบู่นิ่มเป็นต้น

ทั้ง 2 ปัจจัยข้างต้น เป็นแค่ปัจจัยหลักที่มีผลโดยตรงนะ แต่นอกนั้นจะมีปัจจัยอื่น เช่น อุณหภูมิขิงโซดาไฟและน้ำมันตอนที่ผสมกัน ความชื้นในอากาศขณะนั้น หรือกระทั่งระยะเวลาที่ทิ้งไว้ตั้งแต่กวนสบู่เสร็จ จนกระทั่งนำมาใช้ (ปกติต้องทิ้งไว้หลังจากกวนเสร็จแล้วเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน จึงจะแน่ใจได้ว่าไม่เกิดอันตรายกับผิว)

เห็นมะ ?? ว่าการทำสบู่เนี่ย มันมีอะไรให้เรียนรู้เยอะเหมือนกันนิ


หมดเรื่องราวของ "สบู่" แต่เพียงเท่านี้ แต่ว่าอยากแถมเรื่องสบู่เหลวนิดนึงดีกว่า



ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ "สบู่เหลว" ในปัจจุบันกันซักเล็กน้อยนะคะ


เนื่องจากนิยามของ "สบู่" ที่เขียนมาข้างต้นแล้วเนี่ย ก็จะพบว่า เราจะเรียกว่า "สบู่" ได้ก็ต่อเมื่อเกิดปฏิกิริยาระหว่าง น้ำมันกับโซดาไฟ แต่ว่าถ้าเราไปพลิกดูส่วนผสมของสบู่เหลวในปัจจุบันแล้วเนี่ย แทบจะไม่มียี่ห้อไหนเลยที่เกิดจากปฏิกิริยาดังกล่าว เลยมีคนบอกเอาไว้ว่า สบู่เหลวในปัจจุบัน เป็น "สบู่เหลวเทียม" ซะมากกว่า

สบู่เหลวเทียม คืออะไร ?

เอาจริงๆมันก็คือของเหลวอย่างนึงที่เอามาทำความสะอาดร่างกายได้แหละ โดยมีส่วนประกอบหลักคือสารชำระล้าง หรือว่าสารที่ทำให้เกิดฟอง ซึ่งเป็นสารประเภทเดียวกับผงซักฟอก หรือสารอื่นๆที่ทำให้มีฟอง ...และเจ้าตัวนี้แหละที่ทำให้หลายคน ไม่ชอบใจอยู่ลึกๆ

ถ้าให้พูดเรื่องสารชำระล้างนี่ยาว (แอบข้อมูลไม่ปึ๊กด้วย) แต่เอาง่ายๆก็คือว่า สารกลุ่มนี้ประเภทหนึ่งที่เรียกกันว่า SLS หรือ SLES เคยมีประเด็นว่าอาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ทำให้เกิดกระแสกันอยู่พักนึง แต่สุดท้ายสำหรับประเทศไทย อย. ก็แจ้งออกมาว่าไม่เป็นไร (ถ้าจำไม่ผิด เพราะว่าสารพวกนี้จะเป็นอันตรายเมื่อใช้ในปริมาณที่เข้มข้น และต้องอยู่บนผิวหนังนานมากๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เราไม่ได้อาบน้กันนานขนาดนั้น)

จริงๆแล้วนอกจาก SLS, SLES ยังมีสารชำระล้างประเภทอื่นๆที่มีเอามาใช้เหมือนกัน แต่พวกนี้มักจะราคาแพงและฟองน้อยกว่า ผู้ผลิต mass ส่วนใหญ่จึงไม่นิยม (ส่วนมากสบู่ยาจะใช้)

สรุปก็คือว่า ต่อให้เป็นสบู่เหลวเทียม ก็ใช้ได้ ไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าคนที่ผิวแพ้ง่ายมากๆ ก็จะมีโอกาสระคายเคืองได้ง่ายตามไปด้วยเท่านั้นเอง

ที่มาที่ไป -DIY skincare

เรื่อง ของเรื่องเลย คือ ตั้งใจจะเพิ่มสินค้าในกลุ่มของผิวกาย ก็เลยเริ่มไปเข้าคอร์สอบรมต่างๆ ให้รู้จักพวกส่วนประกอบในเครื่องสำอาง เพื่อเป็นข้อมูลในการดูคุณภาพของผลิตภัณฑ์ .. ตอนแรกก็เรียนเน้นไปเรื่องของครีม โลชั่นนะ แต่ไปๆมาๆกลับรู้สึกว่า "สบู่" มันมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ สุดท้ายสินค้าสำหรับผิวกายตัวแรกของเดียร์เลยกลายเป็นสบู่ไปซะนี่ ไหนๆก็ไหนๆ เอาความรู้เรื่อง "สบู่" มาแชร์กันหน่อยละกันเนอะ~~~

DIY Skincare ในนี้ส่วนมากเลยจะเน้นเรื่องสบู่เป็นพิเศษ (เนื่องจากปกติชอบสบู่อยู่แล้่ว) แต่อย่างอื่นก็จะมีเสริมมามั่ง แล้วแต่อารมณ์ (^^)


หน้าตาบรรดาของที่เคยทำมา


ต้องออกตัวก่อนว่า เดียร์ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้นะ เดียร์เขียนจากข้อมูลที่ search เจอบ้าง ไปเรียนบ้าง ถามจากผู้เชี่ยวชาญบ้าง และเดียร์เองได้ลองทำดูเองบ้างเล็กน้อยพอเป็นประสบการณ์ ดังนั้น หากมีจุดไหนที่เดียร์เข้าใจผิด เดียร์ฝากแจ้งเดียร์ เพื่อนำมาแก้ไขด่วนนะคะ ....ขอบคุณมาก ณ ที่นี้ค่ะ

แหล่งข้อมูลที่ขาดไมไ่ด้ .... www.thaibubbles.com ต้องขอบคุณพี่ๆน้องๆที่นี่เป้นอย่างมาก ถ้าไม่มีที่นี่ ไม่มีทางทำพวกนี้เป็นอย่างแน่นอน ~~~

เนื่องจากทำสบู่เป็นหลัก ....ก่อนอื่น...เรามาทำความรู้จักคำว่า "สบู่" กันก่อนนะคะ


สมัย โบราณเค้าจะเอาน้ำมันมากวนกับน้ำขี้เถ้า ทิ้งไว้ซักระยะก็จะได้ก้อนแข็งๆออกมาก้อนหนึ่ง เอาไปใช้ทำความสะอาดร่างกายได้ ... นักวิทยาศาสตร์ในปัจจบันก็เขียนสมการของกระบวนการอันนี้ตามภาษาบ้านๆออกมา เป็น

น้ำมัน + โซดาไฟ (น้ำขี้เถ้าแหละ) = สบู่ + กลีเซอรีน

ดังนั้น "สบู่" ในที่นี้ ก็น่าจะหมายถึงสารที่มีคุณสมบัติในการชำระล้างสิ่งสกปรก ส่วนกลีเซอรีนก็คือสารที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง ทำให้สบู่ที่กวนจากกระบวนการตามธรรมชาตินี้ ไม่จำเป็นต้องไปสรรหาอะไรมาใส่เพิ่มเติมก็ได้ ..แค่กระบวนการปกติของมันก็สามารถบำรุงผิวได้อยู่แล่ว (จริงมะ??)

แต่ๆๆๆๆ เห็นสมการง่ายๆอย่างนี้ การทำสบู่ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดนะ...อิอิ


เอ... มันก็ไม่น่ายากนี่น่า... ทำไมสบู่มันถึงมีอะไรให้เรียนรู้เยอะล่ะ

ถามง่ายๆเลย... ถ้าอยากทำสบู่ดีๆซักก้อนนึง เราจะเอาน้ำมันอะไรมากวนสบู่ดีล่ะ ??

อึ้งไปเลย ... 555
ขนาดเดินไปในซุปเปอร์ จะเลือกน้ำมันมาทอดหมูยังมีน้ำมันตั้งไม่รู้กี่แบบ คราวนี้ให้เลือกมาทำสบู่จะเอาน้ำมันอะไรดีละนี่ย ??

เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ เดียร์ขอแบ่งปัจจัยหลักที่มีผลต่อคุณภาพของสบู่ออกเป็น 2 เรื่องละกันเนอะ

1. ชนิดของน้ำมันที่จะนำมาใช้


เห็น สบู่ก้อนเล็กๆแค่นิดเดียวเนี่ย จะบอกว่าคนใช้ก็ต้องการอะไรจากมันเยอะนะ ...ฟองต้องเยอะมั่งละ เนื้อต้องแข็ง ไม่ยุ่ยน้ำ อาบแล้วต้องไม่ให้ผิวแห้งตึง แต่เอาแบบล้างออกง่ายๆนะ ล้างออกยากไม่เอา บลาๆๆๆ ~~~
ทั้งหลายทั้งปวงนี้เป็นผลมาจากคุณสมบัติของ "น้ำมัน" นั่นแหละ

น้ำมัน ในโลกนี่ก็มีไม่รู้กี่ 10 แบบ ทั้งจากสัตว์ จากเมล็ดพืช จากดอกไม้ ฯลฯ อีกมากมาย แต่ละตัวก็จะมีค่าต่างกัน เช่น น้ำมันมะพร้าวให้ฟอง แต่ทำให้ผิวแห้ง, น้ำมันรำข้าวให้วิตามิน E บำรุงผิว แต่ไม่มีฟอง เป็นต้น

ดัง นั้น ในการกวนสยู่แต่ละครั้ง เราก็ต้องรู้ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันพอสมควรทีเดียว จะได้มั่นใจได้ว่าสบู่ที่เราจะกวนให้ผลตามแบบที่เราต้องการจริงๆ
ทีนี้ ถามว่า..ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวสำหรับสบู่ที่ดีที่สุดหรอ ??
จะขอตอบว่าามันก็มีสบู่สูตรมาตรฐานที่ใช้ได้ทั่วๆไป แหละ แบบไม่ต้องคิดมาก ...
แต่ ถ้าเอาให้เวอร์หน่อย (แต่ดีจริงๆ) สุดยอดสบู่มันก็ต้องดูสภาพผิว ความชอบ แล้วก็อาจจะต้องพ่วงที่สภาพอากาศตอนที่จะใช้ด้วย จริงมะ ?? หน้าหนาวก็ใช้แบบที่บำรุงผิวหน่อย แต่หน้าร้อนก็ใช้แบบที่สะอาดๆหน่อยเป็นต้น (^^)
2. ปริมาณของโซดาไฟ

ในการทำสบู่นี่ ฝรั่งเค้าเรียกกระบวนการที่น้ำมันกับโซดาไฟทำปฏิกิริยากันว่า Saponification หรือ Saponify ซึ่งสบู่จะทำมาใช้ได้ก็ต่อเมื่อกระบวนการนี้เสร็จสิ้นแล้ว แต่โดยปกติเค้าจะไม่ให้มันทำปฏิกิริยากันแบบสมบูรณ์ 100% ซะทีเดียวแต่จะให้เหลือน้ำมันส่วนเกินเล็กน้อย เพื่อให้นำมันนั้นบำรุงผิวไปในตัว เรียกว่า superfat ซึ่งโดยปกติจะ superfat กันอยู่ที่ 5%-8%
ประเด็นที่เราต้องระวังในการใส่โซดาไฟ คือ
2.1 ปริมาณโซดาไฟในการ saponify กับน้ำมันแต่ละชนิด ไม่เท่ากัน หมายความวาา ถ้าเปลี่ยนน้ำมันเมื่อไหร่ ปริมาณโซดาไฟต้องเปลี่ยนตามไปด้วย
2.2 อย่าลืม Superfat เพราะ้ถ้า superfat น้อยเกินไป จะเกิดโซดาไฟส่วนเกินซึ่งอาจจะระคายเคืองต่อผิวได้ หรือในทางกลับกัน ถ้าโซดาไฟน้อยเกินไป จะเกิดน้ำมันส่วนเกินซึ่งจะทำให้สบู่เหม็นหืนได้ง่าย หรือสบู่นิ่มเป็นต้น

ทั้ง 2 ปัจจัยข้างต้น เป็นแค่ปัจจัยหลักที่มีผลโดยตรงนะ แต่นอกนั้นจะมีปัจจัยอื่น เช่น อุณหภูมิขิงโซดาไฟและน้ำมันตอนที่ผสมกัน ความชื้นในอากาศขณะนั้น หรือกระทั่งระยะเวลาที่ทิ้งไว้ตั้งแต่กวนสบู่เสร็จ จนกระทั่งนำมาใช้ (ปกติต้องทิ้งไว้หลังจากกวนเสร็จแล้วเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน จึงจะแน่ใจได้ว่าไม่เกิดอันตรายกับผิว)

เห็นมะ ?? ว่าการทำสบู่เนี่ย มันมีอะไรให้เรียนรู้เยอะเหมือนกันนิ


หมดเรื่องราวของ "สบู่" แต่เพียงเท่านี้ แต่ว่าอยากแถมเรื่องสบู่เหลวนิดนึงดีกว่า



ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ "สบู่เหลว" ในปัจจุบันกันซักเล็กน้อยนะคะ


เนื่องจากนิยามของ "สบู่" ที่เขียนมาข้างต้นแล้วเนี่ย ก็จะพบว่า เราจะเรียกว่า "สบู่" ได้ก็ต่อเมื่อเกิดปฏิกิริยาระหว่าง น้ำมันกับโซดาไฟ แต่ว่าถ้าเราไปพลิกดูส่วนผสมของสบู่เหลวในปัจจุบันแล้วเนี่ย แทบจะไม่มียี่ห้อไหนเลยที่เกิดจากปฏิกิริยาดังกล่าว เลยมีคนบอกเอาไว้ว่า สบู่เหลวในปัจจุบัน เป็น "สบู่เหลวเทียม" ซะมากกว่า

สบู่เหลวเทียม คืออะไร ?

เอาจริงๆมันก็คือของเหลวอย่างนึงที่เอามาทำความสะอาดร่างกายได้แหละ โดยมีส่วนประกอบหลักคือสารชำระล้าง หรือว่าสารที่ทำให้เกิดฟอง ซึ่งเป็นสารประเภทเดียวกับผงซักฟอก หรือสารอื่นๆที่ทำให้มีฟอง ...และเจ้าตัวนี้แหละที่ทำให้หลายคน ไม่ชอบใจอยู่ลึกๆ

ถ้าให้พูดเรื่องสารชำระล้างนี่ยาว (แอบข้อมูลไม่ปึ๊กด้วย) แต่เอาง่ายๆก็คือว่า สารกลุ่มนี้ประเภทหนึ่งที่เรียกกันว่า SLS หรือ SLES เคยมีประเด็นว่าอาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ทำให้เกิดกระแสกันอยู่พักนึง แต่สุดท้ายสำหรับประเทศไทย อย. ก็แจ้งออกมาว่าไม่เป็นไร (ถ้าจำไม่ผิด เพราะว่าสารพวกนี้จะเป็นอันตรายเมื่อใช้ในปริมาณที่เข้มข้น และต้องอยู่บนผิวหนังนานมากๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เราไม่ได้อาบน้กันนานขนาดนั้น)

จริงๆแล้วนอกจาก SLS, SLES ยังมีสารชำระล้างประเภทอื่นๆที่มีเอามาใช้เหมือนกัน แต่พวกนี้มักจะราคาแพงและฟองน้อยกว่า ผู้ผลิต mass ส่วนใหญ่จึงไม่นิยม (ส่วนมากสบู่ยาจะใช้)

สรุปก็คือว่า ต่อให้เป็นสบู่เหลวเทียม ก็ใช้ได้ ไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าคนที่ผิวแพ้ง่ายมากๆ ก็จะมีโอกาสระคายเคืองได้ง่ายตามไปด้วยเท่านั้นเอง