Friday, October 09, 2009

Harbin Changchun

ทริปนี้เราไปกันมาตั้งแต่ต้นปี แต่ดองมานาน ก่อนจะครบรอบเทศกาลเทีี่ยวอีกครั้งเลยต้องมาสะสางให้เรียบร้อย (^^')

ก่อนอื่นเลย เนื่องจากว่าคราวนี้เราไปกับทัวร์ที่เค้าบริการถ่ายรูปให้ด้วย (TravelPro เที่ยวกับเรา มั่นใจ...ได้ภาพสวย) พี่ไกด์ทำหน้าที่เป็นช่างภาพไปในตัว รูปออกมาสวยกว่าที่เราถ่ายอย่างรุนแรง (อันนี้ของชัวร์) เราก็เลยขอเอาภาพที่ได้จาก TravelPro มาโชว์ให้ดูใน blog นี้ ...แต่รูปไหนที TravelPro ถ่ายให้ จะมีขึ้นชื่อไว้ที่รูปเพื่อแสดงที่มานะคะ ... อันนี้คงไม่เป็นไรเนอะ

ส่วนรูปเล็กๆน้อยๆที่เหลือ ก็มาจากกล้องเรา โป้ กับคุณพ่อน้องมีน ซึ่งไม่ได้เขียนที่มาไว้ในรูปแต่อย่างใด แต่ก็ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ (^^)


ทริปนี้เราไปเมืองหลักๆกัน 3 เมือง คือ ปักกิ่ง ฮาร์บิน ฉางชุน แต่ว่าเที่ยวปักกิ่งไม่มาก เน้นอีก 2 เมืองที่เหลือมากกว่า ... ใครอยากเน้นปักกิ่ง ก็ไปดูทริปปักิิ่งเต็มๆเลยน่าจะดีกว่าเนอะ ~~~

เอาล่ะ ... เริ่มเที่ยวกันได้แล้ว O(><)O วันแรกเรามาลงพักกันที่ปักกิ่งก่อน... สถานที่เที่ยวก็ไม่พ้น วังต้องห้าม นะคะ


มาคราวนี้หนาวกว่าคราวก่อน น้ำในคูรอบๆวังแข็งอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว


เข้าไปเที่ยวในวังกันจริงๆนะ



เด็กๆสาวๆมีแค่นี้แหละ นอกนั้นแทบจะ ส.ว. กันหมด


เจอเด็กๆมาเที่ยวกัน สีสันปี๊ดมาก เลยต้องเก็บมาซักภาพ
แต่มีป้าๆบางคนทำเนียนไปถ่ายรูปกะเค้าด้วย ...ดูออกมั๊ยเอ่ย ??

จบจากวังต้องห้าม ก็ไปสถานที่ภาคบังคับอีกที่...นั่นก็คือวังฤดูร้อนนั่นเอง


ไม่ใช่แค่น้ำในคูข้างวังต้องห้ามนะ ... ทะเลสาปที่นี่ยังแข็งโป้กๆๆเลย
เชื่อมะว่าหนาวจริงๆ
ปล. มีคนไปเล่นสกี หรือเลื่อนกลางทะเลสาปด้วยเลยนะ


ขอแม่ซัก 1 แช๊ะ

นอกจาก 2 ที่นี้ จริงๆเรายังมีเดินเที่ยวจัตุรัสเทียนอันเหมิน กับไปดูปักกิ่งไนท์โชว์กันด้วย (โชว์คราวนี้ไม่เหมือนที่มาดูคราวที่แล่วล่ะ) ...แล้วก็หมดเวลาสำหรับปักกิ่ง ...พรุ่งนี้เช้าเราต้องบินไปฮาร์บินต่อ ตื่นเต้นๆๆๆ



เอาล่ะ ...ก่อนจะพาไปชมเมืองฮาร์บิน ก็ต้องมาทำความรู้จักกันก่อน ~~~

คร่าวๆคือ ฮาร์บิน เป็นเมืองทางอีสานของจีนซึ่งหนาวมากกกกกกกก ฤดูหนาวของเค้านี่ติดลบเยอะมากทีเดียว ตั้งน้ำไว้ข้างนอกบ้านนี่ถึงขั้นกลายเป็นน้ำแข็ง ทำให้เค้ามีงานเทศกาลโคมน้ำแข็งเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว ...เมืองทั้งเมืองก็จะมีน้ำแข็งแกะสลักเต็มไปหมด ...อลังการมากๆ

ปล. ไกด์บอกว่าในแต่ละปีก็จะมี Theme ว่างานคราวนี้จะมี concept แบบไหน ... ปีที่เราไปนี่เป็น Disney เค้าก็จะมีการแกะเป็นตัวการ์ตูนต่างๆมากมาย แต่คือเราไปดูหลายๆที่ มันมีเป็น Disney แค่ที่เดียวเอง เลยไม่แน่ใจว่าไอ้ concept นี้มันต้องเหมือนกันทั้งเมืองเลยรึเปล่าเหมือนกัน

เราเดินทางกันตั้งแต่ 7 โมงกว่าๆ ..พอ 9 โมงกว่าๆ ก็ถึง Harbin กันแล้ว~~~


ลานบินที่สนามบินฮาร์บิน


ระหว่างทางเดินไปขึ้นรถ

เนื่องจากที่นี่หนาวๆมากๆ รองเท้่าผ้าใบที่เอามาจากเมืองไทยธรรมดาไม่สามารถกันได้แม้แต่น้อย... เราก็เลยต้องไปแวะซื้อกันก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวจะตายเอา

สำหรับใครที่จะไปนะ...ขอบอกไว้เลยว่าซื้อไปเลย เพราะว่ามีพี่คนนึงที่ไม่ซื้อ เพราะรองเท่าหนามากๆอยู่แล้ว ...แต่ผ้่านไปครึ่งวันเท่านั้นแหละ ต้องไปแวะซื้อกลางทางอีกรอบ เพราะทนไม่ไหวจริงๆ


เกือบทุกคนในทริปซื้อเหมือนกันเปี๊ยบ ....
เพราะรุ่นนี้ .......ถูกกกกที่สุด!!!! (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 500)

สถานที่แรกที่เราจะไปเที่ยวกัน คือ โบสถ์เซนต์โซเฟีย

เนื่องจากว่าฮาร์บินอยู่ค่อนข้างใกล้รัสเซีย แล้วช่วงสงครามรัสเซียกับญี่ปุ่นมีกองทหารเข้ามาประจำการในเมืองนี้พอควร ชาวรัสเซียก็เลยสร้างโบสถ์นี้ขึ้นมา...เค้าบอกว่าโบสถ์นี้เป็นโบสถ์นิกายออร์โธดอกซ์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคพื้นเอเชียตะวันออกด้วยนะ


ทั้งทริปมีเท่าที่เห็นนี่แหละ


เรากะแม่


บรรยากาศรอบๆโบสถ์


ภายในมีโมเดลเมืองจำลองให้ดู
(คาดว่าเป็นเมืองในอดีต)


รอบๆมีรูปภาพบรรยายประวัติศาสตร์
ใครใคร่อ่าน...อ่าน แต่เราใคร่แค่ถ่ายรูป (--')

จบจากโบสถ์ เราก็เดินทางไปสวนสตาลิน ที่เป็นอนุสรณ์สถานแห่งสัมพัรธภาพระหว่างจีนกับรัสเซีย (คอมมิวนิสต์ในตอนนั้น)

รถจอดอยู่ไกลพอควร ...ไกด์พยายามพาเราเดินไปที่จุดชมวิวที่อยู่ไกลออกไปหน่อย ... แต่จะบอกว่าหนาวมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คือเดินไปแทบจะไม่มองทางเลย แค่เปิดตามามองทางยังไม่อยากจะเปิด

มาถึงตอนนี้ผู้ใหญ่หลายคนเริ่มไม่ไหว เพราะเมื่อคืนเรานอนกันดึก ตื่นเช้า + อ่อนเพลียกับการเดินทาง ตอนนี้เลยเดินกันช้ามาก งอแงจะกลับรถกันท่าเดียว ....บางคนก็ไม่สู้ต่อ แต่หลายคนก็สู้จนสุดทางจนได้ ~~~~

แต่ๆๆๆ จะบอกว่าใครไปที่นั่น ให้ทนเดินเร็วๆไปซักพักอ่ะ ให้ร่างกายขยับเข้าไว้ มันจะอุ่นขึ้น ..ดีกว่ายืนอยู่เฉยๆจริงๆนะ (^^)



เริ่มงอแง ไม่ยอมเดินกัน


ตอนนี้ถึงจุดหมายปลายทางกันแล้ว
อันนี้หันหน้าเข้าเมือง


หันไปอีกทางจะเป็นแม่น้ำ (ที่ตอนนี้แปรสภาพกลายเป็นลานน้ำแข็ง)
เค้าบอกว่าตรงนี้เป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงมากเหมือนกัน

ตรงนี้คืออนุเสาวรีย์เพื่อทหารที่ตายหรือไงเนี่ยแหละ


ระหว่างทางเดินมันสวยนะ
(เพิ่งมาเห็นตอนขากลับ เพราะขาเดินมา มัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดิน)

อีกโปรแกรมที่ห้ามพลาดสำหรับแกงค์คนไทยนั่นก็คือ .... Shopping !!!!

ย่านที่เราไปกันนี่ชื่อว่า ถนนจงหยาง .... ของที่ขายที่นี่ก็ไม่มีอะไรมาก มีแต่เสื้อหนาว แล้วก็เครื่องกันหนาวต่างๆ ซึ่งไม่มีโอกาสใส่ในเมืองไทย 1000% นอกนั้นก็จะมีพวกสมุนไพรนานาชนิด ...เดินเข้าไปขอไออุ่นจากในร้านมาได้แปปนึงก็เดินออกมาถ่ายรูปดีกว่า


บรรยากาศสวยทีเดียว


อีกซักรูป

พี่ธี(ไกด์) เดินมาบอกให้ยืนกันกระจายๆๆ
....อ่ะ....จัดให้.~~~~

โปรแกรมสุดท้ายสำหรับวันนี้ ก็ไปงานแกะสลักน้ำแข็งที่สวนเจ้าหลิน ..ที่นี่แหละที่ปีนี้เป็น Theme Disney ชัดๆเลย

สวนนี้อยู่กลางเมืองเลย ...พลุกพล่านมาก ข้ามถนนแอบยากด้วย รถพุ่งไปพุ่งมาอย่างแรง เราต้องจอดรถไกลหน่อยแล้วค่อยๆเดินมา


ทางเข้าสวนก็มีตัวการ์ตูน Disney เต็มไปหมด


บ้านประกอบฉากก็เต็มไปหมดเหมือนกัน ~~~

ขอเข้าไปถ่ายข้างในหน่อยนะ
ปล. ลื่นมากๆๆ ใครคิดจะเดินเข้าไปถ่ายต้องค่อยๆย่องนะ


ทุกที่ล้วนเป็นน้ำแข็ง ......

... แม้กระทั่งส้วม !!!!

สวนที่นี่ใหญ่ใช้ได้ทีเดียว .... แต่ถ่ายรูปออกมาความสวยลดลงไปโฮก เนื่องจากฝีมือห่วย 555
แบบว่าความน่าตื่นเต้นของมันอยู่ที่มองไปทางไหนก็มีแต่น้ำแข็งๆๆๆ เต็มไปหมดเลย แต่พี่ไกด์บอกว่าที่นี่จิ๊บๆ ...เดี๋ญวพรุ่งนี้เราไปดูอีกหลายที่ ...อลังการกว่านี้อีก .... อยากดูแล้วใช่มั๊ยล่าาาา

ถ้างั้นคืนนี้ไปนอนพักกันก่อน ...คืนนี้ต้องนอนเยอะๆนะ พรุ่งนี้จะได้ทนหนาวต่อได้ ~~~~~
เข้าโรงแรมแล้วต้องรีบ check ฮีทเตอร์อันดับแรก ...ของใครไม่ทำงานบอกด่วน ...ไม่งั้นหนาวตายแน่ๆ



วันนี้เช้าแต่ละคนดูสดชื่นขึ้นหน่อย เพราะได้นอนเต็มที่ + เริ่มปรับตัวได้

เริ่มวันนี้ เราจะไปดูความอึดของชาวฮาร์บินกันซะหน่อย ~~~~

เราไปดูโชว์การว่ายน้ำที่แม่น้ำซงฮัวกัน ... ไอ้เราใส่เสื้อกันไม่รู้กี่ชั้น ...นี่พี่แกเล่นใส่ว่ายน้ำกระโดดลงน้ำกันตูมๆ


โดดกันให้ดูเห็นๆ


ต้องคอยตักน้ำแข็งออก ไม่งั้นเต็มสระ
(เข้าใจว่าที่เรายืนที่เป็นแม่น้ำนะ แล้วเค้าเจาะรูให้สามารถกระโดดลงไปได้เฉยๆ)


ถ่ายกับนักกีฬาหน่อย
1 แช๊ะ 40 หยวนหรือไงเนี่ย ...แต่ให้ไปเถอะ อุตส่าห์ทนหนาว


อย่างนี้เรียกว่าทนหนาวได้มั๊ย ??

ข้่างๆมีเลื่อนให้เล่นด้วย ...อันนี้ฟรี!!!!


ทางเดินจากที่จอดรถไปตรงที่แสดงโชว์ บรรยากาศสวยมากๆๆๆๆ
(นี่ถ้ามีเพื่อนซี้ๆไปด้วยน่าจะแอ๊ะได้หลายท่าอยู่ 555)


ใครว่ามีแต่ทะเลที่กระโดดได้ ... กลางหิมะก็กระโดดได้เน้อ
งานนี้ไม่สนวัย ...อายุเท่าไหร่มาโดดหมด
(แต่โดดขึ้นหรือไม่ขึ้นไม่ว่ากัน~~~)

โปรแกรมต่อไป...สวนเบือไซบีเรียน

เค้าบอกว่าที่นี่มีเสือกว่า 100 ตัว เราต้องนั่งรถเจ้าหน้าที่เข้าไปชมเป็นโซนๆแล้วตอนสุดท้ายก็จะเดินกลับ (ปรมาณทางเดินเป็นกรงในสวนเสือ) ....ถ้าจังหวะดี ไปตอนให้อาหารจะเห็นเจ้าหน้าโยนไก่เป็นๆออกไปแล้วเสือจะเข้ามาตะครุบ

ระหว่างเดินกลับเค้าให้อาหารพอดี แต่เราหันไปดูไม่ทัน หันไปอีกที ไก่มันตายไปแล้ว ...โชคดีละล่ะ เห็นเต็มๆสยองเกิน !!!



พี่เสือปลอมบิีกเบิ้มหน้าทางเข้า

อันนี้พี่เสือของจริง

ดูเท่ห์มาก (แต่ดูไม่ดุแฮะ)

บิ๊กเบิ้มอย่างแรง

พี่เสื้อม่วงนี่เป็นไกด์จีนชื่ออาหง

โปรแกรมต่อไป ....ไปกันที่เกาะพระอาทิตย์ หรือว่า ไท่หยางต่าว เข้าใจว่าอันนี้เป็นสวนสาธารณะที่ีใหญ่ที่สุดของฮาร์บินนะ ที่นี่ไม่ได้เป็นน้ำแข็ง แต่ว่าเป็นหิมะ !!!! (เค้าบอกว่าเป็นหิมะเทียม) ...ก็สวยไปอีกแบบนิ


ต้องนั่งรถของเค้าเข้าไป
ใครอยากเดินก็ได้ แต่มันไกล + เราต้องรีบทำเวลา


เราไปถึงที่นั่นก้แอบเย็นมากๆแล้ว


บรรยากาศรอบๆ ..ถ้ามีเวลามาตอนกลางวันๆ ก็น่าจะสวยไปอีกแบบ


เนื่องจากหนาวเลยต้องเฮฮากันเป็นพิเศษ (หรอ??)

กรี๊ดกร๊าดจนคนอื่นมอง
เสื้อผ้าบังหน้าจนเผลอนึกว่าเป็นสาววัยสะรุ่น 555


เริ่มดึกแล้วเค้าก็เริ่มเปิดไฟกัน


อันนี้ขึ้นมาถ่ายบนหลังคาที่พักกินน้ำ+ ห้องน้ำ

โปรแกรมสุดท้ายสำหรับคืนนี้ (ซะที) วันนี้เที่ยวเยอะมาก
อันนี้แหละที่เป็นไฮไลท์ของแท้ ...งานนี้ชื่อว่า นิทรรศการและศิปกรรมการแกะสลักน้ำแข็งประจำปีของฮาร์บิน / ปิงเสวี่ยต้าซื่อเจี้ย / Harbin Ice and Snow Festival (เอาไปเลย 3 ภาษา)

ที่นี่ต้องมาตอนกลางคืน เพราะว่าจะมีประดับไฟสวยงาม


ทางเข้าอลังการมาก ...น้ำแข็งหมดเลยนะนั่น


นี่เดินเข้ามาข้างในละ

ถึงตอนนี้พี่ไกด์ให้แยกย้ายกันตามสะดวก เพราะความอึดไม่เหมือนกัน ..ใครหนาวก็มีที่ให้พักมีบะหมี่ กาแฟ/นมร้อนๆขาย ...นัดเวลากันเอาไว้ พอถึงเวลาให้มาเจอกันที่ร้านกาแฟก่อนถึงทางออก


มองเข้าไปข้างในไกลๆ ..อลังการมะ ??

รูปน้ำแข็งต่อไปนี้เป็นรูปจากกล้องพี่ธี ...กล้องเราถ่ายมาสวยไม่ได้ครึ่ง (^^')
เข้าใจว่าเค้าจำลองปราสาทจากประเทศต่างๆมาอ่ะ มีทั้งแบบยุโรป แบบจีน แล้วก็แบบอินเีดีย ใหญ่โตอลังการมากทีเดียว~~~~








งานนี้แม่เริ่มขอพัก ทนหนาวไม่ค่อยไหว เราเลยไปกับพวกบ้่านโป้แทน
เห็นเค้าปล่อยหิมะเทียมก็ไปกระโดดโลดเต้นกันใหญ่ ....หารู้ัตัวไม่ว่าหิ้วกล้องอยู่ ...เล่นอยู่นานสองนาน ออกมาที หิมะเต็มกล้อง ....กรี๊ดดดดดด.....รีบเช็ดอย่างด่วน!!!!!


ลั้นลาท่ามกลางหิมะ

กว่าจะรู้ตัวว่ามันทำให้หนาวก็ปัดออกกันแทบไม่ทัน


ที่นี่เค้ามีสไลเดอร์ให้เล่นด้วย
เดี๋ยวเราจะไปเล่นกันนะคะ~~~


มองจากด้านบนลงไปเป็นอย่างนี้


ลื่นลงมาโลด~~~~~

หนุกดีๆๆ แต่ก้นเปียกไปเลย หนาวก้นอยู่นานพอสมควร แต่ไม่วายไปต่อคิวเล่นกันอีกคนละรอบสองรอบ แต่ว่ามันไม่บื่นอย่างที่คิดนะ แบบว่าน้ำแข็งมันมีรอยต่อ คือพอเลื่อนลงมาแล้วเราไม่ได้ถีบตัวเราลงมาแรงมากๆ พอถึงกลางๆก็เกิดอาการค้างเติ่งอยู่กลางสไลเดอร์ ต้องค่อยๆกระเถิบๆลงมาด้วยความยากลำบาก (อุบาทว์มาก) แล้วพอลงมาถึงพื้นแล้วเนี่ย ลุกขึ้นมาระวังด้วยนะ เพราะว่าพื้นน้ำแข็งลื่นมากๆๆๆๆ .... ลื่นเอาก้นกระแทกพื้นมาแล้่ว (--')

และแล้วก็มีสิ่งเยี่ยงเบนความสนใจ !!!!
ได้ยินเสียงเพลง + เหมือนคนนำเต้นแอโรบิกมาแต่ไกล เลยผละจากสไลเดอร์ไปตามเสียง ...ปรากฏว่าเค้านำเต้นแก้หนาวกันอยู่ .... กรี๊ดดดด.... อย่างนี้ห้ามพลาด!!!!

แต่เนื่องจากสถานที่เต้นไกลมาก ไปไม่ทัน ...เหลือแต่เพลงเปิดอยู่ แต่ไม่มีคนนำแล้ว เอาไงดีหว่า ~~~~
มีแท่นให้ขึ้นไปยืนอยู่ ...พี่วงนำทีม ปีนขึ้นไปเต้นมันเลย 5555 ไม่มีคนนำ เต้นเองก็ได้ฟระ!!!
แต่งานนี้เีดียร์น้อยเต้นอยู่ข้างล่างนะคะ (เนื่องจากไม่มีที่ !!!)


นักแดนซ์ชาวไทย !!!

กิจกรรมเต้นกลางน้ำแข็งนี่ work อย่างแรง ... ไม่หนาวเลยแม่แต่นิดเดียว ..หุหุหุ

หมดแล้วสำหรับวันนี้ ... พรุ่งนี้เราจะอำลาฮาร์บินมุ่งหน้าสู่เมืองฉางชุนแล้วนะจ




จุดหมายปลายทางของวันนี้คือเมืองฉางชุน ที่ปูยีมาพักหลังจากที่หมดอำนาจแล้ว

คร่าวๆคือตอนนั้นเมืองจีนเปลี่ยนระบบการปกครองทำให้ปูยีถูกขับออกจากวัง ... จังหวะพอดีกับที่ญี่ปุ่นขยายอำนาจเข้ามาในเมืองจีน โดยรัฐที่อยู่ในการปกครองของญี่ปุ่นตอนนั้นเรียกว่า "แมนจูกัว"

คราวนี้พอญี่ปุ่นขยายอำนาจเข้ามาก็กลัวว่าจะมีเรื่องกับประชาชน เลยแต่งตั้งให้ปูยีขั้นเป็นจักรพรรดิของแมนจูกัว โดยหวังว่าจะแก้ปัญหาที่ว่า ...แต่ต่อมาพอสงครามโลกครั้งที่ 2 จบ ญี่ปุ่นแพ้สงคราม ปูยีก็เลยกลายเป็นอาชญกรแผ่นดินไปโดยปริยาย

เมืองฉางชุนนี่คือเมืองที่ตั้งของวังปูยี หรือพระราชวังจอมปลอมที่ปูยีอาศัยอยู่ในช่วงที่เป็นจักรพรรดิของแมนจูกัวนั่นเอง


ก่อนจะไปถึงจุดหมายปลายทางที่ว่าไว้ ...เราก็มีแวะเที่ยวรายทางกันนิดหน่อย


บรรยากาศระหว่างทาง ขาวโพลนมากๆๆๆ

มองตรงไปนั่นคือห้องน้ำ


แต่เอ๊ะ !!! นั่นทำอะไรเอ่ย ~~~~
555

สังเกตที่เท้า ...หิมะหนามากๆๆ

เป้าหมายแรกของเราในวันนี้ ..เราจะไปเล่นสกีกัน (ไม่แน่ใจว่าาที่นี่คือ สวนสาธารณะเป๋ยซานรึเปล่า )
ตื่นเต้นๆๆๆ ไม่เคยเล่นมาก่อน


ลานสกีใหญ่โตมโหฬาร
ไกล + สูงมากๆ ... ไม่ใช่ที่เล่นของเราหรอก
ของเราต้องไปลานฝึกหัดต่างหากเล่า !!!!


ใครอยากเล่นก็ไปเตรียมตัว


ฟังเค้าอธิบายกันซักหน่อย

จะบอกว่าเราอยู่ตรงกลางๆ ท่าดีมาก แต่พอสกีไปได้ซักนิด เลี้ยวออกนอกทางไปเลย แป่ววว เฉออกขวาสุดๆจนเกือบออกนอกทาง เบรกไม่เป็น เลยต้องทำให้ตัวเองล้ม แล้วลุกไม่ได้ ... รออีกชาติกว่ากว่าจะมีคนมาช่วย ...แม่มๆๆๆๆ แต่สนุกดี 555

หลังจากเล่นสกีเป็นที่เรียบร้อย เราจะไปที่ อู๋ซงเต่า เป็นที่หมายต่อไป
"อู๋ซง" เป็น 1 ใน 4 สิ่งมหัศจรรย์ของจีน เค้าบอกว่าเกิดเฉพาะที่เมืองจี๋หลิน โดยเกิดจากหมอกควันที่กระทบอากาศเย็นจัด แล้วจับจัวกันเป็นผลึกตามกิ่งไม้ พอแสงแดดส่องมาก็จะส่องแสงระยิบระยับ สวยงาม แต่บอบบางมาก ลมพัดมาวูบนึงก็หักลงมาซะแล้ว ~~~~ เดี๋ยวไปดูกันว่าอู๋ซงที่ว่าหน้าตาเป็นยังไง


มองไกลๆ ก็เห็นบรรยากาศขาวโพลนอย่างนี้
(แอบสงสัยว่าที่อื่นไม่ได้เป็นแบบเดียวกันหรอ??)


เดี๋ยวเราจะข้ามไปเที่ยวฝั่งตรงข้ามกัน


อยู่นี่ต้องทำตัวเฮฮาแก้หนาวกันเข้าไว้


นี่เป็นบ้านของชาวแมนจูเมื่อก่อน
เข้าไปก้จะเห็นห้องหับที่เค้าอยู่กัน แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีใครอยู่แบบนี้แล้ว


ทางเดินรอบๆเกาะ


ฝากเอาไว้...ว่าคนไทยมาเยือน หุหุหุ


แม่ๆอยากเล่นชิงช้า (^^)


คราวนี้ก็มาดู "อู๋ซง" ชัดๆกันหน่อย ...สวยมะ ??

เอาล่ะ ... ต่อไปก็ถึงจุดหมายปลายทางของเรา ...พระราชวังจอมปลอมที่ฉางชุน
นีคือวังที่เมื่อก่อนปูยีอาศัยอยู่จริงๆ จะแบ่งออกเป็นหลายตึกเหมือนกัน หลักๆคือแยกตึกทำงาน แล้วก็ตึกอยู่อาศัย ภายในเค้าก็จะแต่งห้องหับเหมือนเมื่อก่อน ให้เราเข้าไปเยี่ยมชม


ด้านนอกพระราชวัีง..อันนี้เป็นตึกทำงาน

ห้องรับแขก

ห้องทำงาน

ท้องพระโรง + บัลลังก์ของปูยี

หุ่นจำลองของปูยีกับนายพลซักคนของญี่ปุ่น (มั้ง)

ภาพนี้ดูแล้วหดหู่สุด (สำหรับเรา)
คือภาพที่ปูยีแต่งตั้งสนมองค์ใหม่ โดยที่มีผู้ร่วมพิธีแค่นี้

นอกเรื่อง ..... ส่วนตัวเราคิดว่าปูยีเป็นคนที่น่าสงสารมาก ตั้งแต่ถูกพรากจากองคืแม่ขึ้นมาเป็นกษัตริย์โดยที่ไม่ได้รับรู้อะไรเลย ...หลังจากนั้นพอระบบกษัตริย์ล่ม ก็ถูกญี่ปุ่นเอามาเป็นหุ่นเชิดต่อ

แต่ที่น่าสงสารที่สุดในสายตาเรา คือดูเหมือนปูยีจะรับความจริงไมไ่ด้ ที่สถานภาพกษัตริย์ของตัวเองหมดไปแล้ว จำได้ว่าตอนดูเรื่อง The last Emperor สนมเอกของปูยีพูดกับเค้าประมาณว่า "อยู่ในวัง ฉันเป็นสนมที่ได้รับการนับหน้าถือตา แต่ออกมาข้างนอก ฉันก็เป็นแค่เมียน้อยคนนึง" แล้วก็จากปูยีไปรับสภาพความเป็นจริง แต่ปูยียังพยายามทำตัวเหมือนเป็นกษัตริย์ หลอกตัวเองไปวันๆ ....หดหู่มาก


ออกจาวังมาก็เย็นละ .. บรรยากาศหน้าวังก็ดูสวยดี (^^)

เอาล่ะ .... การเที่ยวภาคอีสานของจีนก็จบลงแต่เท่านี้ ... แต่ๆๆๆๆ พรุ่งนี้นังบมีอีก 1 โปรแกรม เราจะไปเที่ยวปักกิ่งกันต่อ ~~~~


ออกเดินทางกัีนคืนนี้เลย ...บินกลับปักกิ่ง (อากาศค่อยยังชั่วหน่อย) เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปกำแพงเมืองจีนกัน



โปรแกรมสุดท้ายของทริปนี้แล้วว~~~~

กำแพงเมืองจีนด่านปาต้าหลิ่งนั่นเอง


มารวมตัวถ่ายรูปกันที่ด้านล่างกันก่อน

จากนี้ไปก็แล้วแต่ว่าใครอยากขึ้นรึเปล่าแล้ว ... อย่างที่บอก สูงวัยกันเยอะ ขึ้นกันแทบจะไม่ไหว

ไอ้เราก็ไม่ได้อยากขึ้นเล้ยย ปีที่แล้วเพิ่งมาขึ้นไปกับที่บริษัท แต่มองหน้่าแม่ก็รู้ว่าแม่อยากขึ้น ถ้าเราไม่ขึ้นแม่ก็ไม่ขึ้น ก็เลยต้องขึ้นด้วย (Y_Y)


ในที่สุ แม่ก็ขึ้นมาได้ ...เยี่ยมมากแม่ !!!!
(จะบอกว่าแม่ 65 แล้วนะ ...แข็งแรงมะ??)


เอาหลักฐานไปดูชัดๆว่าขึ้นมาถึงด่านจริงๆนะ


นี่คือทั้งหมดที่ขึ้นมาได้ (^^)

จบจากนี่ก็ไปชอปปิ้งกันที่ตลาดรัสเซีย รอการกลับบ้าน ... ว่าจะไม่ซื้ออะไรแล้วนะ แต่ตอนมารอที่ประตูทางออก เห็นเสื้อหนาวตัวนึงสวยดี ... เค้าบอกเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ก็ต่อไปเยอะอยู่ ตามสไตล์ต่อของที่คตลาดรัสเซีย ... เค้าถามเลยว่า คนไทยใช่มะ .. ต่ออย่างนี้มีแต่คนไทย 555

No comments: